สมาชิกพรรคเพื่อไทย ดาหน้าถล่มรัฐบาล-สนช.สมคบคิดต้นตอสร้างกฎหมายให้เกิดปัญหา เชื่อหากยื่นตีความร่าง กม.เลือกตั้ง ส.ส.กระทบโรดแมปแน่นอน พร้อมจี้ปลดล็อกให้พรรคการเมืองได้ประชุมปรึกษาหารือแก้ปัญหา ขณะเดียวกันยังรอ “วาดะห์” ยืนยันสมาชิก แต่มั่นใจในพรรคยังกลมเกลียว
วันนี้ (28 มี.ค.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยื่นร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล มีเบื้องหน้าเบื้องหลังของรัฐบาลและ สนช. ส่วนผู้ร่างก็เขียนกฎหมายคลุมเครือทำให้มีตำหนิ ทำให้สงสัยได้ว่ามีแผนอะไร ส่อเจตนาให้เกิดปัญหา ทำให้เกิดความไม่ราบรื่น ซึ่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งตามโรดแมปอย่างแน่นอน ทำให้กฎหมายล่าช้า แทนที่จะได้นำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ท้ายที่สุดกลับต้องมารอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และหากศาลวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ถามว่าประเด็นที่ยื่นศาลเพื่อตีความนั้นเป็นสาระสำคัญถึงขั้นทำให้การเลือกตั้งต้องเป็นโมฆะหรือไม่ จากการศึกษารายละเอียดข้อกฎหมายเห็นว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่จำเป็นต้องยื่นศาลเพื่อตีความ
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ผิดมาแต่ต้น ทำไมเขาถึงเขียนให้มีปัญหา แต่เมื่อเป็นปัญหาก็ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน ถ้าจะถามว่าฝ่ายการเมืองรับได้หรือไม่ มันถูกยัดเยียดให้รับ เพราะถ้าไม่เคลียร์ให้ชัดเจนแล้วเป็นประเด็นหลังเลือกตั้ง มันจะยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้นองค์กรที่จะรับเรื่องไปอย่างศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเรื่องที่สงสัยกันมีประเด็นไม่มากก็ควรบริหารเวลา ถ้ารวดเร็วเร่งรัดก็ไม่น่ามีปัญหา
นายภูมิธรรม เวชชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ต้องพูดถึงระบบไพรมารีโหวต เพราะเรื่องการยืนยันความเป็นสมาชิกก็ยังมีปัญหา เพราะกฎระเบียบและข้อปฏิบัติในขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ และหากทำมากเกินไปก็อาจจะผิดกฎหมาย ดังนั้น หัวใจสำคัญคือจำเป็นต้องยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้ เพราะสิ่งที่จะทำไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือชุมนุมให้เกิดความวุ่นวาย แต่ต้องการทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ และจะต้องปลดล็อกพรรคการเมืองให้มีการปรึกษาหารือให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้
เขากล่าวว่า หากยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็เกรงว่าจะมีปัญหาอื่นตามมาได้ เช่น ในเรื่องของการชำระค่าบำรุงพรรคที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องชี้แจงให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของ กกต. โดยที่พรรคการเมืองมีหน้าที่ปฏิบัติตามเท่านั้น ซึ่งทุกพรรคทั้งประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา เห็นตรงกันว่าเป็นปัญหาที่ยากต่อการปฏิบัติให้ตรงตามข้อกฎหมาย เพราะข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดขึ้นต้องอำนวยให้สามารถทำได้ด้วยดี และทำให้มีส่วนร่วมในการเข้ามาทำงานได้อย่างเต็มที่
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มวาดะห์เตรียมแยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทยไปตั้งพรรคประชาชาติ ว่ายังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน และจะต้องรอดูไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ หากยังไม่มายืนยันสมาชิกก็ต้องมีการพูดจาหารือกันต่อไป และกระเเสข่าวที่ผ่านมาก็ยังไม่สามารถยืนอะไรได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนก็ถือว่ากลุ่มวาดะห์เป็นครอบครัวเดียวกัน จึงต้องรอดูว่าจะตัดสินใจอย่างไร และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถือว่ามีรายละเอียดมาก ในช่วง 30 วันนี้จึงถือว่าทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจ หากวันที่ 30 เม.ย.มีการยืนยันครบถ้วนก็จะไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นสิทธิ์ในการตัดสินใจและเลือก
ส่วนความกังวลที่พรรคเพื่อไทยแตกแยกออกเป็นส่วนๆ นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งสำคัญในขณะนี้ต้องกังวลว่าเมื่อไหร่จะให้มีประชาธิปไตยกลับคืนมาให้ประชาชน อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องอื่น แต่ส่วนตัวได้มีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ และเท่าที่ตนเองสัมผัส ทุกคนยังรักใคร่กลมเกลียวกันดีอยู่เพียงเเต่ว่าในขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนกฎกติกา ทุกคนจึงมีสิทธิ์ที่จะคิดและตนก็เคารพในการตัดสินใจ พร้อมย้ำอีกว่าโดยรวมแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พรรคเพื่อไทยยังมีความอบอุ่นและกลมกลืนกันดี