รักษาการเลขาฯ กกต.แจง กกต.ยึดแนวสัดส่วนตามผลหารือกฤษฎีกาให้ 3 คนเป็นองค์ประชุม ชี้ยังไม่ถึงขั้นตอนตรวจสอบข้อบังคับ พรรคอนาคตใหม่ ปมเล็งแก้ ม.112 แนะหากเห็นทำผิดกฎหมายอาญาให้แจ้งความ
วันนี้ (27 มี.ค.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ได้มีการหารือถึงปัญหาเรื่ององค์ประชุมของ กกต.หลังจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ยุติการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 44 โดยเห็นว่าสามารถยึดแนวทางที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบหนังสือหารือต่อกรณีดังกล่าวมายังสำนักงาน กกต.ก่อนหน้านี้ว่าให้ยึดหลักสัดส่วน โดยหากมี กกต.7 คน องค์ประกอบก็จะเป็น 5 คน ถ้ามี กกต.5 คน องค์ประชุมก็เป็น 4 คน ดังนั้นจึงเห็นว่าเมื่อปัจจุบันเหลือ กกต.4 คน องค์ประชุมก็จะเป็น 3 คน และการลงมติให้ใช้เสียงข้างมาก กรณีเกิดปัญหาเสียงเท่ากันก็ให้ประธานที่ประชุมออกเสียงชี้ขาดอีกหนึ่งเสียง จึงคงไม่ต้องหารือไปยังกฤษฎีกาอีก โดยที่ประชุม กกต.ก็ได้เห็นชอบร่างระเบียบการประชุม กกต.ที่สำนักงานได้ยกร่างขึ้นในประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่ได้ให้สำนักงานไปปรับแก้ถ้อยคำให้ถูกต้องชัดเจนและให้นำเข้าที่ประชุม กกต.อีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไป เมื่อเรียบร้อยสำนักงานก็จะส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ยังกล่าวถึงกรณีสมาพันธ์ประชาชนตรวจสอบรัฐไทย ร้องให้ตรวจสอบการขอตั้งพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง มีแนวคิดแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่ายังไม่เห็นรายละเอียดคำร้อง แต่ในขั้นตอนยื่นขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองที่สำนักงานกำลังเปิดให้ดำเนินการ ตามกฎหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบเฉพาะว่าผู้ขอจดจัดตั้งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ชื่อ ภาพเครื่องหมายเข้าลักษณะต้องห้ามหรือไม่เท่านั้น เรื่องของคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค นโยบายพรรค หรือข้อบังคับพรรคนั้น นายทะเบียนพรรคการเมืองจะเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดเมื่อทางพรรคมายื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการหลังจากได้ประชุมสมาชิกพรรค 500 คน แต่งตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และรับรองข้อบังคับพรรคแล้ว อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้หากผู้ร้องเห็นว่ามีบุคคลกระทำผิดกฎหมายอาญาก็สามารถที่แจ้งความให้มีการดำเนินคดีได้อยู่แล้ว