“ปิยบุตร” ยืนยันแนวคิด ม.112 เป็นความเห็นส่วนตัวนานแล้วและมีเจตนาเพื่อป้องกันนำมาเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง ไม่ใช่นโยบาย “พรรคอนาคตใหม่” วอนอย่านำมาเป็นเครื่องมือขัดขวางการตั้งพรรค
วันนี้ (27 มี.ค.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ร่วมยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นเรื่องให้ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือนายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณาว่าการขอเตรียมการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่นั้นขัดต่อกฎหมายหรือไม่ โดยกล่าวอ้างถึงตนและกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงขอชี้แจง ดังนี้
ในการขอเตรียมการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้ถามผมเกี่ยวกับกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และตนได้ตอบว่า ได้ร่วมกับเพื่อนนักวิชาการและประชาชนในชื่อ “คณะรณรงค์แก้ไข ม.112” ผลักดันให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อต้นปี 2555 โดยเห็นว่าการแก้ไขในกรณีนี้จะทำให้บุคคลไม่อาจนำมาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกัน ป้องกันมิให้บุคคลใดแอบอ้างนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ทำลายล้างกัน แก้ไขอัตราโทษให้ได้สัดส่วนกับการกระทำความผิด ทั้งนี้เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่อย่างมั่นคง อย่างทรงพระเกียรติยศ ทันสมัย และสอดคล้องกับประชาธิปไตย
นายปิยบุตรยังกล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้มีเพียงคณะรณรงค์แก้ไข ม.112 เท่านั้นที่เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายนี้ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีศาสตราจารย์คณิต ณ นคร เป็นประธาน ก็ได้เสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นอกจากนี้ยังมีปัญญาชนสาธารณะ บุคคลผู้มีชื่อเสียงทั้งฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายก้าวหน้า ได้แสดงความเห็นให้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอีกหลายครั้งด้วย ในปัจจุบันเราเห็นการปรับตัวของหน่วยงานของรัฐต่างๆ เกี่ยวกับการนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้ เช่น การกำหนดให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาสั่งฟ้องคดีความผิดตามมาตรา 112 การปล่อยตัวชั่วคราวผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยในความผิดตามมาตรา 112 การยกฟ้องคดีความผิดตามมาตรา 112 ในบางกรณี ทั้งหมดนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่มีแต่ตนและคณะรณรงค์แก้ไข ม.112 เท่านั้น แม้แต่หน่วยงานของรัฐเองก็ยังเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไข มาตรา 112 หรือปรับปรุงการบังคับใช้มาตรา 112 ให้ยุติธรรมมากขึ้น
นายปิยบุตรกล่าวว่า การร่วมรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของตน เป็นการกระทำและความเห็นส่วนตัวซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้า ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด ความเห็นส่วนตัว จึงไม่ใช่นโยบายของพรรค และไม่ใช่คำประกาศอุดมการณ์ของพรรคในอนาคต เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งรับจดทะเบียนให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองแล้ว พรรคอนาคตใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องผูกพันกับความคิดของตน พรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคลแยกออกต่างหากจากสมาชิกพรรค ความคิดเห็นส่วนตัวของตน จึงต้องแยกออกจากความคิด วัตถุประสงค์ และนโยบายของพรรค การนำความเห็นส่วนตัวของตนไปตีขลุมเอาเองว่าเป็นความคิดของพรรคอนาคตใหม่ ย่อมไม่เป็นธรรมต่อพรรคอนาคตใหม่ สมาชิกพรรค และประชาชนผู้สนับสนุนพรรค
ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ยังอยู่ในขั้นตอนยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 18 เท่านั้น ยังไม่มีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นตามระบบกฎหมาย เมื่อพรรคอนาคตใหม่ยังไม่เกิดขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการประชุมพรรค และจัดทำข้อบังคับพรรค กำหนดคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค และนโยบายของพรรคได้ ดังนั้น ที่นายสนธิญากล่าวอ้างว่าพรรคอนาคตใหม่มีข้อบังคับที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติ ต้องห้ามตามมาตรา 14 นั้น จึงเป็นกรณีที่นายสนธิญาจินตนาการไปเอง
ตามขั้นตอนแล้ว หลังจาก คสช.อนุญาตให้ทำกิจกรรมการเมืองได้ ผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองก็จะประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค จัดทำข้อบังคับพรรค คำประกาศอุดมการณ์ นโยบาย และดำเนินการในเรื่องอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด จากนั้นก็จะดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ในขั้นตอนนี้นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะต้องตรวจสอบอยู่แล้วว่าข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 หรือไม่ หากมี นายทะเบียนพรรคการเมืองก็จะสั่งให้แก้ไขข้อบังคับพรรคนั้น
“เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจตรงกัน และเพื่อป้องกันมิให้กลุ่มบุคคลผู้ไม่ต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ได้ฉวยโอกาสนำเรื่องเหล่านี้มาปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อขัดขวางการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ได้ ผมขอยืนยันว่าผมจะไม่นำเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาเกี่ยวข้องกับพรรค และไม่นำไปผลักดันในพรรค” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรยังกล่าวว่า ตนและผู้ร่วมยื่นคำขอแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 เห็นร่วมกันถึงความจำเป็นในการก่อตั้งพรรคการเมืองแบบใหม่ เพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยเสียใหม่ให้การเมืองไทยดีขึ้น การดำเนินการของพวกเราทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง อยากให้สังคมไทยออกจากวิกฤติความขัดแย้งและวงจรรัฐประหาร นำการเมืองแบบประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์กลับมา เพื่อให้ประเทศไทยก้าวต่อไปข้างหน้า เราอยู่ในวังวนของการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เสียเวลาและพละกำลังไปกับการทำลายล้างกันทางการเมือง ประเทศไทยสูญเสียเวลาและโอกาสไปมากพอแล้วกับเรื่องเหล่านี้ เราควรช่วยกันยุติการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์แบบนี้
“ผมขอความกรุณาจากบุคคลที่มีความคิดอนุรักษนิยมสุดโต่ง ได้ใช้สติปัญญาตรึกตรองอย่างมีเหตุมีผล เปิดใจรับฟังในสิ่งที่พวกเราทำ หากยังมีข้อขัดข้องหรือไม่เห็นด้วยในเรื่องใด ผมพร้อมที่จะอภิปรายถกเถียงอย่างสร้างสรรค์ในทุกเรื่อง ในทุกเวที ผมขอความกรุณาจากคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เปิดโอกาสให้พวกเราได้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เพื่อนำพาประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์และเข้มแข็งกลับมา ให้พวกเราได้ร่วมกันกับประชาชนในการกำหนดอนาคตใหม่” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตรยังกล่าวว่า ขอเรียนไปยังบุคคลที่ไม่อยากเห็นการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ ขอเถิดขออย่าขัดขวางการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่เลย ต่อให้วันนี้พวกท่านขัดขวางไม่ให้พรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นได้ แต่ก็จะมีประชาชนอีกจำนวนมากที่อยากให้มีพรรคการเมืองแบบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นอยู่ดี ในวันหน้า พวกเขาก็จะหาทางก่อตั้งมันขึ้นมาจนได้
“โปรดอย่าขัดขวางพรรคอนาคตใหม่เลยครับ การขัดขวางการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ มิใช่ขัดขวางผมและเพื่อนเท่านั้น แต่มันคือการทำลายความหวังของประชาชนผู้ใฝ่ฝันถึงอนาคตใหม่ด้วย” นายปิยบุตรกล่าว