xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว : เพิ่งเริ่มนับหนึ่ง!! มหากาพย์ “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” **“ทหารแก่”ผันตัวเป็นนายหน้าขายฝัน“คลองกระ–คลองไทย” **ป.ป.ท.ได้โอกาสแจ้งเกิด คดีทุจริตคนยากไร้ ก่อนหลบฉากให้ป.ป.ช.รับลูกต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** เพิ่งเริ่มนับหนึ่ง!! มหากาพย์ “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน”ยังต้องดูกันอีกหลายตอน ป.ป.ช.นัดถกเชิญ“เสี่ยป้อม”มาให้ถ้อยคำด้วยตัวเองดีมั้ย? ยื้อได้อีกยาว ซ้ำรอย“ยิ่งลักษณ์”ซุกนาฬิกา 2.5 ล้าน ตั้งแต่เป็นนายกฯ ผ่านมา 4 ปีกว่า ยังไม่ถึงไหน

เด็ดขาดจริงๆ .. เพิ่งตั้งเรื่องสอบไม่กี่วัน คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มี การุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน ก็ลงมติลงโทษไล่ออกจากราชการ รจนา สินที ข้าราชการ ระดับซี 8 .. โทษทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตร่วม 10 ปี มูลค่ากว่า 88 ล้านบาท .. ที่เคสนี้ “มาไว-เคลมไว”ขนาดนี้ ก็ด้วยเช็กแล้ว “เจ๊รจนา”ไม่มีหัว-มีหาง โซโล่แบบคนเดียวโดดๆ แบบนี้ฟันได้ไม่ต้องคิดมาก .. ร้อยเอาบาทเดียว เดี๋ยวก็มี“คน คสช.”เอาผลงานเรื่องนี้ไปตีปิ๊บว่า เห็นมะ ปราบทุจริตเด็ดขาด เผื่อพอจะกลบเรื่องฉาว“โกงทั้งแผ่นดิน” ได้บ้าง .. เทียบเคียงกับเรื่องที่ไม่สลับซับซ้อน กรณี “แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน”ที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของ“เสี่ยป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรื่องเกิดตั้งแต่ต้น ธ.ค.60 .. คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงของป.ป.ช. เพิ่งจะสรุปเตรียมเสนอเข้าสู่การประชุมใหญ่ ป.ป.ช. พฤหัสฯนี้ (29 มี.ค.) นี่เอง .. ปาเข้าไปเกือบ 4 เดือนเต็มๆ กับการชี้แจงของ“เสี่ยป้อม”ที่ยื้อแล้วยื้ออีก ป.ป.ช.ก็ใจดี-ใจเย็น ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ฝ่ายผู้ถูกร้องเรียน ขออะไร อ้างอะไร ได้หมดเลยพ่อคุณ สุดท้ายเสียเวลาร่วม 160 วัน ได้เอกสารมาแค่ 38 หน้า .. แล้วก็อย่าหลงดีใจว่า ป.ป.ช. เตรียมสรุปผลเร็วๆนี้นะ ขั้นตอนแสวงหาข้อเท็จจริงแค่ “สเตปแรก”เท่านั้น .. หรือจะพูดง่ายๆ ยังไม่เข้าสู่การไต่สวนจริงจัง เป็นเพียงแต่การหาข้อมูลพื้นฐาน เพื่อประกอบการพิจารณาว่า ที่ร้องๆกันมา มีมูลชวนสงสัยว่า“ควรจะไต่สวน”ให้เป็นกิจจะลักษณะหรือไม่เท่านั้น ..
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เหมือนกรณี “หนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซุกนาฬิกา แค่เรือนละ 2.5 ล้าน ตั้งเรื่องตั้งแต่สมัยเป็นนายกฯ เพิ่งมาสรุปสำนวนเมื่อธ.ค.60 ตอนนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุกรรมการไต่สวน .. ขณะที่กรณี“เสี่ยป้อม”ที่จะประชุมกันไม่กี่วันข้างหน้านี้ แค่ประเด็นที่ว่า จะเชิญ “เสี่ยป้อม” มาให้ถ้อยคำด้วยตัวเอง ดีมั้ย ? .. ด้วยเห็นว่าส่งเอกสารกันไปกันมามันไม่ได้เนื้อได้หนัง หรือแม้แต่กระดูกอะไรเลย .. ที่สำคัญ การตั้งอนุกรรมการไต่สวนเหมือนเป็นการสร้าง “สภาวะวิกฤติ”ให้กับ “พี่ใหญ่ คสช.”อีกด้วย .. เพราะถือว่า เป็นการลากขึ้นสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจัง เสียงเรียกเร้าให้ “นายกฯน้องตู่”พักงานจะดัง และมีน้ำหนักมากขึ้นอีกโข .. เพื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกับข้าราชการที่ถูก มาตรา 44 สั่งพักผ่อนในกรุ .. เชื่อเถอะว่า ขนาดโดนด่าขรมเมือง “ออเจ้าป.ป.ช.”ที่นำโดย “คุณหลวงกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เจ้านายประเทศราชในอาณัติ “ฟาร์มโชคชัย”ยังยื้อมาได้ขนาดนี้ จะยื้อต่ออีก คงมิได้แคร์ใคร

** ปั่นกระแสไอเดียตกยุค!! “ทหารแก่”ผันตัวเป็นนายหน้าขายฝัน“คลองกระ-คลองไทย”ปลุกผีเมกะโปรเจกต์ สมัยพระนารายน์ กวักมือเรียก“กลุ่มทุนแดนมังกร”เทงบล็อบบี้ “ธีระชัย”เตือนระวังเป็นหมากบนโต๊ะสงครามมหาอำนาจ “อ.ธรณ์”ฟันธง “สิ่งแวดล้อม-ท่องเที่ยว”กระเทือนแน่

ตามกระแสละครดังหรือไรไม่ทราบ ..“คลองกระ-คลองไทย”กลับมาเป็นประเด็นได้รับความสนใจอีกครั้ง .. กับแนวคิดการขุดแผ่นดินไทยเชื่อมการเดินเรือ ระหว่างอ่าวไทย มหาสมุทรแปซิฟิก กับ ทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ที่มีมาตั้งแต่สมัย“พระนารายณ์”เมื่อ 300 กว่าปีก่อน .. ส่วนเหตุที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันซักที ก็ควรอ่านความเห็นของ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ในท้องเรื่อง "คลองคอคอดกระ สวรรค์หรือนรก" .. ไล่เรียงความเป็นมา จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้ทรงอนุญาตให้ต่างชาติทำการสำรวจ ก่อนทรงให้ประกาศยุติโครงการ ด้วยไม่ต้องการนำประเทศไปอยู่กลางความขัดแย้งของ“ประเทศมหาอำนาจ”.. “ธีระชัย”ยังได้หยิบยกประเด็นการเทียบเคียงกับ“คลองสุเอซ”ของประเทศอียิปต์ ที่มีปัญหาตั้งแต่เริ่ม และเป็นหมากบนโต๊ะสงครามมาตลอด และเป็นเหตุให้“ซีเรีย”ประสบหายนะในที่สุด จนดีดลูกคิดแล้วอาจ“ได้ไม่คุ้มเสีย”..พร้อมชี้ว่า หากขุด“คลองกระ” กันจริง จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ ดุลอำนาจทางทะเลที่สำคัญระหว่าง“อเมริกา-จีน”และประวัติศาสตร์ “คลองสุเอซ”จะซ้ำรอยที่ประเทศไทย .. สอดรับกับ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อดีต สปช. และ รองคณบดี คณะประมง ม.เกษตรฯ ที่มองผลกระทบ“ด้านสิ่งแวดล้อม-การท่องเที่ยว”ว่ารายได้ค่าผ่านทางปีละหลักแสนล้าน อาจส่งผลกับระบบนิเวศน์ของทะเลใต้ และส่งผลต่อรายได้จากการท่องเที่ยงของไทยปีละ 2-3 ล้านล้านบาท อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ..
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และ พล.อ.สายหยุด เกิดผล
ทั้งที่มีผลการรายงานที่แทบจะสมบูรณ์แล้ว แต่ “ไอเดียตกยุค”พรรค์นี้ก็วนลูปผุดขึ้นเรื่อย ด้วยความพยายามของ“คนบางกลุ่ม”ในการ“ปลุกผีคลองกระ”มาตลอด .. ว่ากันว่าอย่างน้อยๆ ก็มี “ผลประโยชน์”ที่อาจตกหล่นจากค่าศึกษาที่ประเมินแล้ว หลักหลายพันล้านบาทให้ตักตวงนั่นเอง .. เหมือนเมื่อครั้ง “นายพลกุนเชียง”พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีต สปท. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จุดพลุขึ้นมาเมื่อปีก่อน จนถึงขนาดเตรียมตั้งชื่อว่า "คลองประยุทธ์" เลยทีเดียว .. หรือเมื่อครั้งที่สื่อจีน เสนอข่าว“บิ๊กจิ๋ว”พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯไปลงนาม MOUโครงการขุดคอคอดกระ กับกลุ่มทุนจีน เมื่อปี 2558 .. กระทั่งตอนนี้ก็มีข่าวว่า “ทหารแก่กลุ่มหนึ่ง”นำโดย พล.อ.สายหยุด เกิดผล ร่วมกับกลุ่มทุนจีน กำลังเซตทีม เพื่อล็อบบี้ให้ดำเนินการศึกษาโครงการขุด“คลองกระ-คลองไทย”อีกครั้ง .. กลายเป็นเรื่องวนลูปขายฝันของเหล่า“ทหารแก่”ที่นิยมผันตัวไปทำอาชีพ“นายหน้าจีน”ในยามเกษียณเท่านั้นเอง
พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี
** ตกปลาตัวใหญ่!! ป.ป.ท.ได้โอกาสแจ้งเกิด คดีทุจริตคนยากไร้ ก่อนหลบฉากให้ป.ป.ช.รับลูกต่อ ขุดปมวิ่งเต้นส่งคนตัวเองลง“ผอ.ศูนย์ฯ”เขมือบเป็นทอดๆ เปิดลายแทงอำนาจตั้ง ผอ.อยู่ในมือระดับ“อธิบดี” ส่วน“พวกขี้ฉ้อ”ได้ดียุคไหนก็ไปไล่กันเอาเอง

เหมือนลูกเข้าข้อ .. กลายเป็น“เวทีแจ้งเกิด”ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กันเชียวแหละ .. กับคดีทุจริตเงินคนจน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) .. หลังก่อนหน้านี้ เป็นได้แค่“พระรอง”ของสำนักงาน ป.ป.ช. ตามอำนาจกฎหมาย ที่ให้ตรวจสอบเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐระดับล่างๆ อีกทั้งไม่ได้เป็นองค์กรอิสระเหมือนป.ป.ช. แต่อยู่ในฐานะหน่วยงานราชการ มีผู้บังคับบัญชาเป็นนายกฯ และรมว.ยุติธรรม .. คนเลยไม่ค่อยเห็นผลงาน หรือเชื่อมือว่าจะกล้าตรวจสอบ “ผู้มีอำนาจ”แต่มากรณีโกงเงินคนยากไร้ พอคน โกงเป็นแค่ข้าราชการระดับเล็กๆ แต่ดันเกิดขึ้นเป็น“ดอกเห็ด”ทั่วประเทศ เลยทำให้“หล่อขึ้น”ชั่วข้ามคืน .. เสียงชม เสียงอวย เหมือนเป็นยาโด๊ปชั้นเลิศ เลยเดินหน้าปั๊มผลงานไม่หยุด ล่าสุดยังแสดงศักยภาพต่อเนื่อง ไปขุดเจอการทุจริตเงินชาวเขา ที่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กรรมการป.ป.ท. ลงพื้นที่เอง แล้วต้องผงะว่า“โดนโกงยกดอย”..ออกสื่อหลายวันติด เป็นเวลา“โชว์ไทม์”ต้องกอบโกยให้เต็มที่ ก่อนถึงเวลาต้องหลบฉากให้ตัวจริง“ป.ป.ช.” เข้ามาเหมาสัมปทานเรื่องนี้ต่อ .. ตามคิวที่ สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะกำกับดูแลการทุจริตในหน่วยงานพวกนี้ ออกมาแฉเรียกน้ำย่อยว่า งานนี้มี “ตัวใหญ่”แน่ .. ข้อมูลในมือระบุว่า แต่ละปีมักจะมีการวิ่งเต้นขอให้“คนใกล้ชิด”ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ในแต่ละจังหวัด เนื่องจากเป็นแหล่งเงินที่สามารถทุจริตนำมาเข้ากระเป๋าตัวเองได้ ดังนั้น ถ้าจะล่อต้องล่อตั้งแต่“หัว”ไปถึง “หาง”..นึกภาพตาม วิ่งเต้นมันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้องอยู่แล้ว แต่การวิ่งเต้นเพื่อขอให้“คนของตัวเอง”ได้ลงไปในพื้นที่นั้น เพื่อ“โกง”ทั้งคนวิ่งเต้น ทั้งคนอนุมัติตามคำขอ จะไม่รู้จริงๆหรือว่า ในพื้นที่มีการเขมือบกัน .. ของอย่างนี้มันต้องจัดสรรปันส่วนกันอยู่แล้ว แล้วคนอนุมัติต้องมีอำนาจ .. ระดับ “ผอ.ศูนย์”ก็อยู่ในอำนาจ“อธิบดี”ส่วนเป็นใคร ยุคไหน ก็ไปไล่กันเอาเอง โดยเฉพาะ 16 ผอ.ศูนย์ ที่โดดเด้งไปก่อนแล้ว ยังเหลืออีกกว่า 30 ศูนย์ ที่มีปัญหาด้วย .. เดี๋ยวหมดเวลา“ป.ป.ท.”ถึงเวลา“ป.ป.ช.”คงจะได้เห็นปลาตัวใหญ่ๆ ซักที

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น