ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดูละครย้อนดูตัว!! “ออเจ้าฟีเวอร์”สุดประทับใจ ซีน“พระนารายน์”ลงทัณฑ์ “ขุนนางคู่บุญ”ล้อสนั่นโซเชียล “ลุงตู่”ไม่กล้าแตะ“คนใกล้ตัว”พร้อมโอ่จัดการปัญหาทุจริตไปแล้ว 90% ทั้งที่ ป.ป.ท. ประจานโกงเงินคนยากไร้ 85% ต่างหาก จู่ๆ เลี่ยงบาลีไม่คิดใช้“อำนาจพิเศษ”จัดการ“คนโกง” เหมือนกลัวต้องหวด“พวกเดียวกัน”
เลือกที่รักมักที่ชัง .. งงใจ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปากก็ว่า ให้ทุกคนช่วยกันต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน ถึงขนาดเอ่ยปากกับ “เพื่อน ครม.”ขอเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 64 ขวบ .. ที่ “นายกฯตู่”ต้องเอ่ยปากเช่นนั้น ก็ด้วยรู้ทั้งรู้ว่ากระแสสังคมกำลังให้ความสนใจ “มหกรรมโกง”ในภาครัฐขณะนี้อย่างหนัก .. อย่างกระแสละครดัง“บุพเพสันนิวาส”ร้องเรียก“ออเจ้าๆ”กันสนั่นเมือง พลันที่มีประเด็นที่เกี่ยวกับการรับสินบาทคาดสินบน ในซีนที่ “สมเด็จพระนารายณ์”สั่งลงโทษโบย“โกษาเหล็ก”ฐาน “รับส่วย”จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต .. ภาพตัดมาที่สังคมออนไลน์ ที่ นอกจากเสพละครเอาสนุกแล้ว ยังเกิดภาพเปรียบเทียบกับ“วงจรอำนาจ”ในปัจจุบัน .. ในขณะที่ “พระนารายณ์”สั่งลงทัณฑ์ “ขุนนางคู่บุญ”กลับกัน “ออกเจ้าตู่”กลับไม่หือ ไม่อือ กับเรื่องฉาวโฉ่ของ“คนรอบข้าง”..ล่าสุดยังอาการหนักไปใหญ่ เมื่อ “นายกฯตู่”โวลั่นว่า ยุค คสช.แก้ปัญหาการทุจริตไปแล้วกว่า 90% แถมโอ่ว่า ไม่มีรัฐบาลไหนทำขนาดนี้ .. ย้อนแย้งกับ“ความเป็นจริง”ที่ปรากฏในตอนนี้ ที่มีทั้ง “โกงคนยากไร้-โกงเด็ก-โกงวัคซีนหมา” ล่าสุด ยังโดนแฉว่า“ข้าราชการ”ไปอมเงิน“ชาวเขา”ซะนี่ ..
เป็นความจริงที่ ป.ป.ท. สรุปเบื้องต้นว่า“ทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง”เบิกจ่ายงบผิดปกติไปกว่า 85% .. จนอดสงสัยไม่ได้ว่าที่“บิ๊กตู่”แก้ปัญหาการทุจริตไปแล้วกว่า 90% จำสลับ สับสนกับตัวเลข 85% ที่ป.ป.ท.บอกว่ามีการโกงกันหรือเปล่า .. ไม่เพียงเท่านั้น จากที่เคยสะกิดไปหลายทีว่า “ท่านผู้นำ”มี“อำนาจพิเศษ”จัดการปัญหาได้ทุกเรื่อง กระทั่งสั่งปลด“กรรมการองค์กรอิสระ”ก็ยังได้ .. แต่ดันมาบอกว่าไม่คิดใช้ “อำนาจพิเศษ”จัดการคนโกง ปล่อยให้เข้ากระบวนการยุติธรรม ทางวินัย อาญา แพ่ง ไปตามเวรตามกรรม .. ทั้งที่ตอนเข้ามามีอำนาจใหม่ๆ คำสั่ง ม.44 สั่งเด้ง ข้าราชการ-นักการเมืองท้องถิ่น ว่อนไปหมด .. พอปมฉาวโฉ่ โกงกันสะบัดช่อ เริ่มกระชั้นเข้าใกล้“ส่วนกลาง”เข้าไปทุกขณะ กลับออกลูก“เลี่ยงบาลี”ไม่คิดใช้ “อำนาจพิเศษ”..เหมือนออกตัวว่าเป็น“ยักษ์ไม่มีกระบอง”ที่แท้ก็กลัวเอามาหวด“พวกเดียวกัน”เท่านั้นเอง
** ละอ่อนการเมือง!! “ธนาธร อนาคตใหม่”เจอรับน้อง ขุดจุดยืน“เชิงลบ”ต่อ “สถาบันเบื้องสูง”โอดขบวนการใส่ร้ายป้ายสี ส่วน“คู่หูป๊อก”ร้อนวิชาชงไอเดียจัดการ “มรดกของ คสช.”แตะแทบทุกอำนาจในประเทศ “สุวินัย”ออกโรงสอนมวย จวกลอก“โมเดลปฏิวัติฝรั่งเศส”นำไทยเข้าโหมด“นองเลือด”
ฮือฮาได้เดี๋ยวเดียว .. “พรรคอนาคตใหม่”ภายใต้การนำของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เศรษฐีหมื่นล้าน ค่ายไทยซัมมิท ที่เรียกตัวเองว่า “ไพร่หมื่นล้าน”กับ “หนุ่มป๊อก”ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ทำท่าจะจอดตั้งแต่ยังไม่ทันแจว .. แม้จะมีเสียงตอบรับดี จาก“กลุ่มคนรุ่นใหม่”ในโลกโซเชียลฯ หากแต่ “ไอเดียโลกสวย”กลับ “ไม่ขาย”ในวงกว้าง .. อีกทั้งยังโดน“อดีตตามหลอน”อย่างที่โบราณเขาว่า “คำพูดเป็นนาย” จนเจอขุดคุ้ย ชำแหละเละเทะว่า“ธนาธร-ปิยบุตร”เคยแสดงความคิดเห็นใน“เชิงลบ”ต่อ “สถาบันเบื้องสูง”.. หากแต่ “ไพร่ธนาธร”กลับทำเหมือนไม่รับผิดชอบใน“คำพูดตัวเอง”หลายกรรม หลายวาระ รวมทั้งบทบาทนายทุน“นิตรสารฟ้าเดียวกัน”ที่ในวงการรู้กันดีว่า เนื้อหาเป็นเช่นไร .. โดยขอกันง่ายๆ ว่า “เดินไปข้างหน้า คุยกันเรื่องอนาคตดีกว่า”อ้างข้างๆคูๆไปว่า สิ่งที่กำลังถูกขุดออกมานั้น เป็นการ“ใส่ร้ายป้ายสี”เลยเถิด มโนไปว่า เป็น“ขบวนการทำลาย”เหมือนเมื่อครั้ง ทักษิณ ชินวัตร โดนอย่างไรอย่างนั้น .. ถือเป็นแรงเสียดทานทางการเมือง ที่เหมือนเป็นการต้อนรับ“นักการเมืองเฟรชชี่”ที่ดูเหมือนไม่ได้เตรียมรับมือมาก่อน จนออกลูกแถไปแบบงูๆ ปลาๆ เปลือยกายตัวเองว่าแค่ “ละอ่อนการเมือง”..
ไม่ทันไร “หนุ่มป๊อก”ก็ออกอาการ “ร้อนวิชา”เสนอแนวคิด 6 ข้อ ในการจัดการ“มรดกของ คสช.”ที่ฟังผิวเผินแล้ว“เหมือนจะดูดี” .. แต่อ่านแล้วอด“สะดุ้ง”ไม่ได้ ด้วย 6 ข้อที่ว่าเข้าไปแตะต้องแทบทุกอำนาจของประเทศ .. อีกทั้งแนวคิดที่จะกด“อำนาจตุลาการ”ให้ลงมาอยู่ภายใต้ “ฝ่ายการเมือง”ขลุกกับ“วงจรอุบาทว์”..ทั้งการให้ผู้พิพากษาศาลฎีกา มาจากการเสนอชื่อของ ครม. ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา หรือการให้ประชาชน เป็นผู้เลือกผู้พิพากษาสมทบ เป็นต้น .. ร้อนถึงรุ่นใหญ่อย่าง สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ที่ออกจะเห็นดีเห็นงาม กับการตั้ง “พรรคอนาคตใหม่”ต้องออกมา “สอนมวย”อาจารย์รุ่นน้องทันที .. โดยมองว่าไอเดีย"น้องป๊อก" แทบจะลอกมาจาก“โมเดลปฏิวัติฝรั่งเศส”จนกลายเป็นการเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของ“พรรคอนาคตใหม่”ที่ตั้งใจเดินตามโมเดล“ปฏิวัติฝรั่งเศส”..ซึ่งหากมีคนเห็นดีเห็นงามไปด้วย“ประเทศนี้จะนองเลือดอีกครั้ง อย่างแน่นอน”อาจารย์สุวินัย ว่าไว้เช่นนั้น
** เชลียร์เต็มสูบ!! “ดร.อานนท์”ซัด “ผอ.นิด้าโพลคนใหม่”บรรจงเลียทอปบูต รับตำแหน่งไม่กี่สัปดาห์ เน้นเชียร์“ลุงตู่”สุดลิ่ม เมินความสมเหตุสมผล และจุดยืน “เสรีภาพทางวิชาการ” มุ่งเอาใจ “ผู้มีอำนาจ”ทำขนาดนี้ คงไม่ควรแก่การเชื่อถืออีกต่อไป
ตีความเป็นอื่นไม่ได้ .. โพสต์ข้อความ“เมื่ออาจารย์มหาวิทยาลัยหนุ่มรูปงามบรรจงเลีย top boot”บนเฟซบุ๊ก "อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์" อดีต ผอ.นิด้าโพล ย่อมหมายถึงผลสำรวจนิด้าโพลหลังตัวเองพ้นตำแหน่งแน่นอน .. ด้วยคีย์เวิร์ด “เลีย top boot”ที่ถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง หลังเคยใช้คำเดียวกันนี้ ตอนลาออกจาก ผอ.นิด้าโพล .. ก็ด้วย“นิด้าโพลโฉมใหม่”ภายใต้การดูแลของ "ณพงศ์ นพเกตุ" อาจารย์คณะบริหารการจัดการสิ่งแวดล้อม ที่รั้งตำแหน่ง “ผอ.นิด้าโพล”คนปัจจุบัน .. ก็ตั้งแต่ “ณพงศ์”มาคุมโพลได้แค่ 3 สัปดาห์ นอกจากจะไม่มีร่องรอยการสะท้อนเรื่องฉาวโฉ่ หรือปัญหาในการทำงานของ“รัฐบาลทหาร”แล้ว .. 2 ใน 3 โพลที่“ณพงษ์”แถลง ยังมุ่งเลือกประเด็น“เป็นบวก”กับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งเรื่อง “3 ปี 6 เดือน ของนายกฯประยุทธ์” ที่ประเดิมหลัง“ณพงษ์”เข้ามารับตำแหน่ง ระบุว่า ประชาชนเกือบ 70% ยังพอใจการทำงานของ “นายกฯตู่”..ถัดมากับผลการสำรวจครั้งล่าสุด ในหัวข้อ "อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบัน" .. ก็ตามคาด“นายกฯลุงตู่”ได้คะแนนนำโด่ง 38.64% หนุนให้เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง ..
แต่ภายใต้ผลการสำรวจหนเดียวกัน ก็เกิด“ความย้อนแย้ง”เพราะคำถามที่ว่า“พรรคการเมือง ที่ประชาชนอยากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป?” ..พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 62.32% ระบุว่า “พรรคการเมืองพรรคใหม่" เพราะอยากเห็นคนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆ”ซึ่ง “ลุงตู่”ไม่น่าจะตรงสเปก “คนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ”อย่างที่ผลการสำรวจว่าไว้ .. กลายเป็นว่า ผลการสำรวจ“นิด้าโพล”ดู “ไม่เป็นธรรมชาติ”เท่าที่ควร และมุ่งเน้น “ผลบวก”ที่มีต่อ “ลุงตู่”มากกว่าความสมเหตุสมผล ตามหลักวิชาการ .. และน่าจะเป็น เหตุที่ทำให้ “อานนท์”อดีต ผอ.นิด้าโพล อดใจไม่ไหว ต้องโพสต์ ข้อความเรื่อง “เลียtop boot”ขึ้นมา .. เท่ากับว่าหลัง “ดรามาโพลนาฬิกาหรู” ก็ด้วยการลอกคราบใหม่ของ“นิด้าโพล”ที่ภูมิอกภูมิใจว่าเป็น“โพลแรกของประเทศไทย”หลงลืมจุดยืนเรื่อง “เสรีภาพทางวิชาการ”ไปเป็นเครื่องมือ เชลียร์ “รัฐบาลขุนทหาร”อย่างเต็มตัว แบบนี้ก็ไม่ควรแก่การเชื่อถืออีกต่อไป.
ช.ชฎา