ผอ.สวพ.ทบ.แจงเหตุร้องกองปราบปรามเอาผิดทีมวิจัยใช้เอกสารรับรองโครงการหน้ากากกันสารพิษปลอม ลั่นงานวิจัยทุกชิ้นต้องมีมาตรฐาน มีความสำคัญต่อชีวิตกำลังพล
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์ เชื้อสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหาร กองทัพบก (สวพ.ทบ.) แถลงถึงกรณีที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทีมวิจัยที่ดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาการพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหารเพื่อใช้ภายในประเทศว่า โครงการวิจัยและพัฒนาการพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหารเพื่อใช้ภายในประเทศเป็นโครงการตามเอ็มโอยูระหว่างกองทัพบก โดย สวพ.ทบ. กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อพัฒนาและสนับสนุนนักวิจัยจากสถาบันการศึกษา รวมถึงเป็นการนำผลการวิจัยไปสู่การผลิตแบบพึ่งพาตนเองในประเทศ เพื่อประหยัดงบประมาณ โดยในระหว่างการวิจัยทางรัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อให้นำผลการวิจัยไปสู่การผลิตชิ้นงาน สนับสนุนนโยบายการใช้ยางพาราภายในประเทศ กองทัพบกได้ดำเนินกรรมวิธีนำผลงานวิจัยเข้าสู่กระบวนการผลิตตามขั้นตอนของทางราชการ โดยมีกระบวนการวิเคราะห์ ประเมินผลโครงการวิจัย ซึ่งเป็นการประเมินผลทั้งทางด้านเอกสารรายงานและผลงานวิจัยที่ได้รับ ตลอดจนการทดสอบโดยคณะกรรมการต่างๆ ของกองทัพบก จนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือผ่านการรับรองมาตรฐานจากกองทัพบกและได้รับอนุมัติให้นำผลงานวิจัยนั้นไปผลิต ทั้งนี้ โครงการวิจัยไม่ว่าจะได้ทุนจากแหล่งทุนใด หากจะนำมาผลิตเพื่อใช้งานในกองทัพบกก็จะต้องดำเนินการตามแนวทางนี้ ซึ่งโครงการหน้ากากป้องกันสารพิษฯ เมื่อได้ปิดโครงการกับ สกอ.แล้วก็เข้าสู่การดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างกระบวนการวิเคราะห์และประเมินผลโครงการคณะนักวิจัยได้นำส่งเอกสารรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ให้ สวพ.ทบ.พิจารณา และส่งให้คณะกรรมการระดับกองทัพบกทำการประเมินผลงานวิจัย ภายหลังปรากฏว่าใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์หน้ากากแบบเต็มหน้าเป็นเอกสารปลอม กองทัพบกจึงได้ยุติโครงการและได้มอบอำนาจให้ตนซึ่งรับผิดชอบเกี่ยวกับงานวิจัยของกองทัพบกโดยตรงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามไว้ก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป รวมทั้งเป็นการป้องกันผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับการนำไปใช้งานทางราชการหากมีการนำเข้าสู่กระบวนการผลิตในลำดับขั้นต่อไป ที่สำคัญเป็นการยับยั้งไม่ให้เอกสารที่เป็นเท็จไปสู่กระบวนการบริหารงานราชการ
“การอ้างถึงว่ารายงานตอนไปขอปิดโครงการฯ กับ สกอ.ระบุเป็นเรื่องหน้ากากชีวอนามัย ไม่เกี่ยวกับหน้ากากด้านทหารเลยนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะเงื่อนไขข้อกำหนดในการวิจัยครั้งนี้ ระบุให้ผู้วิจัยต้องดำเนินงานวิจัยที่มีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการของกองทัพบกเท่านั้น สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทหารแทรกใบรับรองมาตรฐานปลอมเข้ามาในเอกสารงานวิจัยฉบับสมบูรณ์นั้น จากการตรวจสอบยืนยันว่ามีการยื่นใบรับรองมาตรฐาน จำนวน 4 ครั้ง โดยหัวหน้าโครงการวิจัย ซึ่งเป็นการยื่นใบรับรองมาตรฐานปลอมทั้ง 4 ครั้ง อย่างไรก็ตาม สวพ.ทบ.ในฐานะที่เป็นหน่วยดูแลด้านการวิจัยและพัฒนากองทัพบก ได้รับมอบอำนาจจากกองทัพบกจำเป็นต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดความกระจ่างในทุกแง่มุมที่สังคมสงสัย และเพื่อเป็นการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของงานวิจัยที่จะนำไปใช้ในการผลิตเครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ทางทหารของกองทัพบกต่อไป” พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์กล่าว
เมื่อถามถึงการพูดคุยกับอาจารย์คนดังกล่าวเพื่อสอบถามเรื่องเอกสารปลอม พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ในการพัฒนาร่วมกับสถาบันการศึกษา เราทำงานร่วมกับอาจารย์ในหลายสถาบัน ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นท่านไหน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้มีการประชุมพูดคุยกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่คู่กรณีระบุว่า สวพ.ทบ.ดำเนินการแจ้งความเท็จ พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า เขามีสิทธิ์สามารถทำได้ ทุกอย่างก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์จากการซื้ออาวุธจากต่างประเทศ จึงไม่ต้องการให้มีการใช้ของที่ผลิตในประเทศ พล.ต.ศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า สวพ.ทบ.ให้การสนับสนุนผลงานวิจัยเพื่อนำไปสู่การผลิต เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยของสถาบันใด หรือองค์การต่างๆ ภายในประเทศ เราก็สนับสนุน เพราะนโยบายของเราคือต้องพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้า ประหยัดงบประมาณ ไม่ซื้อของจากต่างประเทศ แต่ขอให้ทุกอย่างได้มาตรฐาน เพราะงานวิจัยทุกชิ้นมีความสำคัญต่อชีวิต หากไม่ได้มาตรฐานกำลังพลก็จะเสี่ยงอันตราย และมีผลกระทบต่อชีวิตได้