xs
xsm
sm
md
lg

“ประชาธิปัตย์” ปรับท่าทีปัดจับมือเพื่อไทยได้เวลา “ลุงตู่” ยิ้มกริ่ม!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


ประกาศท่าทีออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้วสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นลักษณะทางการ แต่เมื่อฟังจากคำพูดของระดับแกนนำที่มีบทบาท ตั้งแต่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคลงมายืนยันว่าไม่อาจร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้ หากตราบใดที่ยังก้าวไม่พ้น “ระบอบทักษิณ” ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับพรรคเพื่อไทยถึงอย่างไรมันไม่มีทางข้ามพ้นอยู่แล้ว ความหมายก็คือทั้ง

ก่อนและหลังเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ก็จับมือเป็นพันธมิตรกันไม่ได้

ประเภทที่บางคนเคยลุ้นกันว่า “ให้สองพรรคผนึกกำลังกันต้านนายกฯคนนอก” ด้วยวาทะ “รวมพลังต้านเผด็จการ” ก็เป็นต้องจบไป

ขณะเดียวกัน แบบนี้ถือว่าเป็นการ “ยืนยันท่าทีใหม่” ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ชัดเจนว่า “ไม่เอากับพรรคเพื่อไทย” ซึ่งท่าทีแบบนี้สำหรับพรรคเพื่อไทยถือว่าเสียหายหลายแสน ในแบบที่เรียกว่า “ฝันสลาย” กันเลยทีเดียว

แม้ว่าก่อนหน้านี้ หลายคนจะมองไม่เห็นว่าทั้งสองพรรคจะจับมือกันได้ และยังคิดไม่ถึงว่าฝ่ายที่พยายาม “ยื่นมือมาแตะ” กลับเป็นพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าพิจารณาจากความเป็นจริงทางการเมือง ตามกลไกของกฎหมายใหม่มันก็ย่อมมองเห็นภาพชัดว่า พรรคเพื่อไทยจะ “อยู่ลำบาก”

เริ่มจากกลไกทางกฎหมายหลัก คือ รัฐธรรมนูญที่กำหนดในเรื่องระบบการนับคะแนนแบบ “จัดสรรปันส่วน” ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่าเดิม ความหมายก็คือในการเลือกตั้งคราวหน้าจะไม่มีพรรคการเมืองใดที่จะได้รับเสียงข้างมาก หรือชนะกันแบบถล่มทลาย ดังนั้น ไม่ว่าจะมีนายกฯคนนอกหรือคนในก็ต้องเป็น “รัฐบาลผสม” วันยังค่ำ

และไม่ว่าพิจารณาจากผลสำรวจหรือโพลลับๆ ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ จะยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่หมายความว่าจะชนะได้เด็ดขาด อีกทั้งด้วย “ระบอบทักษิณ” ก็ถูกกระทำ ไม่ใช่ฮอตเหมือนแต่ก่อน ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่าในการเลือกตั้งคราวหน้าฝ่ายที่เป็นคน “คุมเกม” ยังเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่ว่าจะพยายามแหย่ให้ยุบตัวเอง เพื่อให้เหลือแค่รัฐบาลรักษการอย่างไรก็ไม่เป็นผล เพราะล่าสุด “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยืนกรานให้ได้ยินกันไปทั่วแล้ว โดยจะ “อยู่ยาว” ไปจนถึงมีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งโน่นแหละ

นั่นก็หมายความว่า ในช่วงการเลือกตั้ง จะต้องมีทหาร ตำรวจ กระจายกำลังด้วยข้ออ้างการป้องปรามรักษาความสงบเต็มพรึ่บทุกพื้นที่เป็นแน่

เมื่อเป็นแบบนี้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ประกาศท่าทีไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย มันก็ย่อมทำให้ “ฝันสลาย” และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้บรรดาคนในพรรคเพื่อไทยต่างดาหน้าออกมาโวยวาย ด่าทอแกนนำพรรคประชาธิปัตย์กันอย่างหนักหน่วง ในแบบที่ว่าไม่ได้เห็นอาการแบบนี้มานานหลายเดือนเลยทีเดียว ซึ่งก็พอเข้าใจได้หากพิจารณาถึงสาเหตุและมองไปถึงอนาคตข้างหน้า

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาเชื่อมโยงไปอีกมุมหนึ่งจากท่าทีใหม่ของ พรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าวมันก็ย่อมส่งผลในทางบวกกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทันที เพราะคำพูดของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่พูดแบบหยั่งกระแสไว้ล่วงหน้าทำนองว่าหากให้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยภายใต้ระบอบทักษิณ ก็ “ขอร่วมหรือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดีกว่า”

การประกาศแบบนี้มันก็ย่อมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องยิ้มกริ่มแน่นอน เพราะเสียงของประชาธิปัตย์ก็คือหนึ่งใน “พรรคใหญ่” ที่เขาต้องการ และแม้ว่าในเวลานี้เขายัง “อุบเงียบ” ไม่ยอมเผยให้รู้ว่าจะเอาอย่างไรกับการยอมเป็นสมาชิกพรรค หรือเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคใดพรรคหนึ่งหรือไม่ก็ตาม ซึ่งตามข่าวเวลานี้ ก็คือ “พรรคพลังประชารัฐ” ซึ่งเวลานี้ก็ยังไม่จำเป็นต้องออกตัวให้ชัดเจนก็ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลา

อีกทั้งหากพิจารณาสำหรับพรรคประชาธิปัตย์การประกาศท่าทีไม่เอาพรรคเพื่อไทย มันก็ย่อมทำให้บรรดา “กองหนุน” ได้คลายอึดอัดลง ขณะเดียวกัน ยังทำให้ฐานเสียงโดยเฉพาะทางภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงหลักยังเหนียวแน่นต่อไป และเมื่อบรรดาพลพรรค กปปส. ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังอยู่ครบมันก็สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีเอกภาพ อย่างน้อยก็ช่วงการเลือกตั้ง ส่วนหลังจากนั้นจะออกมาในรูปไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็เปิดทางสะดวกให้กับ “ลุงตู” ไปแล้ว!!


กำลังโหลดความคิดเห็น