เมืองไทย 360 องศา
ไม่มีคว่ำอย่างเด็ดขาด!! สมกับคำพูดที่ลั่นออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มีการคว่ำกฎหมายลูก 2 ฉบับ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างแน่นอน นั่นคือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และพระราชบัญญัติว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ที่ล่าสุด ก็ได้ผ่านสภานิติบัญญัติ (สนช.) ในวาระที่ 3 ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยคะแนนท่วมท้น
ทำให้ขั้นตอนต่อจากนี้ไป สภาก็จะส่งร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวไปให้นายกรัฐมนตรี และพักเอาไว้ 5 วัน เพื่อรอว่ามีใครทักท้วงบ้างจากนั้นก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป หลังจากนั้น ก็เป็นไปตามขั้นตอนตามกรอบเวลา
แต่เอาเป็นเมื่อผ่านสภาไปแล้ว มันก็ทำให้เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแบบแน่นอนขึ้น โอกาสที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกนั้น ถือว่า “ไม่น่าจะมี” แล้ว
พิจารณากันแบบรวบรัดตัดความในระหว่างที่รอ ทั้งรอให้ครบ 5 วัน หรืออาจจะรอลุ้นว่าจะมีใครยื่นเสนอให้มีการตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ และรอการโปรดเกล้าฯลงมาที่ต้องมีขั้นตอนทางราชการต่างๆนานา ซึ่งเท่าที่ประเมินในเวลานี้ไม่น่าจะมีอะไรมาเป็นอุปสรรคขัดขวางได้แล้ว
ดังนั้น ระหว่างรอ ก็ต้องหักเหออกมาประเมินสถานการณ์ข้างนอกในแบบรวมๆ กันบ้าง นั่นคือ หลังจากที่กฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านสภาไปแล้ว มันก็ทำให้ความเสี่ยงที่จะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ก็สิ้นสุดลง การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เคยบอกว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มันก็เป็นไปได้ที่วันเลือกตั้งอาจจะร่นให้เร็วกว่าเดิมก็เป็นไปได้ เพราะในขั้นตอนของการทูลเกล้าฯเป็นการกำหนดระยะเวลาเต็ม 3 เดือน มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าการเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ คือปี 2561 เลยก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเลือกตั้งกันปลายปี้นี้หรือในปีหน้า หากมองในภาพรวมๆ ก็เท่ากับว่า เวลานี้ได้ “ปลดชนวนระเบิด” ลูกใหญ่ออกไปได้ลูกหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามที่พยายามสร้างกระแสป่วนประเภท"อยากเลือกตั้ง"เต็มแก่แล้วมันก็ขยับไปต่อลำบาก
อย่างไรก็ดี เมื่อหันมาพิจารณาในมุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ต้องบอกว่า เริ่มเดินหน้าได้เต็มตัว ลักษณะเหมือนกับเริ่มกลับมาเก็บคะแนน “สะสมแต้ม” กันแบบเนียนๆ อีกรอบ ทั้งจากการเดินสายประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร การโหมเรื่องปากท้องคนรากหญ้า พบปะกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนในท้องถิ่น และด้วยลีลาและท่าทางที่ลงพื้นที่มันดูแล้วไม่ต่างจากนักการเมืองอาชีพ
ที่สำคัญ “ทีเด็ด” ก็คือ การปูพรม “ทีมไทยนิยม” ที่ลงไปเคาะประตูบ้านทั่วประเทศ แบบไม่ให้ตกหล่น ลงไปกันแบบ “ครบเซต” ทั้งงบประมาณ เสนอความช่วยเหลือ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีทั้งตำรวจ ทหาร กำนันผู้ใหญ่บ้าน ยกขบวนกันไปแบบนี้รับรองว่า “ไม่มีใครกล้ากวน” เป็นอันขาด พวกนักการเมืองในพื้นที่ได้แต่มองตาปริบๆ กัดฟันกรอดๆ ช่วงเวลาที่เหลือแม้จะจำกัด แต่เมื่อปูพรมกันแบบต่อเนื่องมันก็สามารถมัดใจได้อยู่หมัดเหมือนกัน
ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปทางฝั่งพรรคการเมืองบ้างเวลานี้ยังไม่กล้าขยับ เพราะยังไม่ได้รับสัญญาณไฟเขียว และด้วยกฎหมายใหม่ที่ต้องกำหนดให้มีการ “เช็กชื่อ” สมาชิกกันใหม่ภายในกำหนด มันก็ไม่ต่างจากการเซตซีโร่ เหมือนกับการนับหนึ่งใหม่นั่นแหละ ประกอบกับเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ใช้วิธีการนับคะแนนแบบ “จัดสรรปันส่วน” ที่มันเอื้อให้เกิดพรรคขนาดกลางจำนวนมาก ซึ่งนี่แหละคือการเปิดช่องว่างให้รูเบ้อเร่อ
แม้ว่านาทีนี้พิจารณาจากการคาดการณ์เอาไว้ว่าพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร จะยังครองใจชาวบ้านมากกว่าใคร แต่ใครจะไปแน่ใจได้ว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งจะเกิดการผันแปรไปทางอื่น โดยเฉพาะผลจากการกฎหมายใหม่ที่เอื้อให้พรรคขนาดกลาง และเล็ก ดังนั้นแม้ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่งจริง แต่คิดหรือว่าจะมาแบบ “ถล่มทลาย” แบบแต่ก่อน อาจจะชนะแต่เสียงไม่ถึงครึ่งมันก็ไปต่อลำบาก
หรือแม้ว่าจะมีเสียงเชียร์โดยอ้างเหตุ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ว่า ก็จับมือกับประชาธิปัตย์ต้านคนนอก ในทาง “โลกสวย” อาจจะได้ แต่ในความเป็นจริงมันยังมองไม่เห็นทาง เพราะมันฝืนความรู้สึกแฟนคลับ อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าเวลานี้แน่ชัดแล้วว่า “ทีมสุเทพ เทือกสุบรรณ” จะใช้วิธีฝังตัวอยู่ต่อในพรรคประชาธิปัตย์ มันก็ไปทางนั้นลำบากไปอีก
ดังนั้น นาทีนี้พิจารณากันแบบรวมๆ ดิบๆ เท่าที่เห็นก็ต้องบอกว่าเมื่อกฎหมายลูกสองฉบับเกี่ยวกับเลือกตั้งผ่านสภาไปแล้ว มันก็เหมือนกับการ “ปลดชนวน” ระเบิดลงไปได้ลูกใหญ่ เปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พลิกกลับมาสะสมแต้มอีกรอบ และถือว่าพร้อมกว่าใคร เพราะขณะที่ยัง “ขึงพืด” ฝ่ายตรงข้าม ตัวเองก็โชว์ออฟเต็มกำลัง มันก็มีโอกาสเข้าวินสูงกว่าใครอยู่แล้ว!!