ข่าวปนคน คนปนข่าว
**#เราไม่เอาศรีวราห์!! ชัดแล้ว “ปืนเปรมชัย”สอย “เสือดำ”จ่อยิงแทบเผาขน ซัดไป 3 นัด เข้าเป้าแค่นัดเดียว กระแสสังคมเปลี่ยนเป้าชั่วคราว ไล่ส่ง “รองฯศรี”ออกตัวแรงปลดคดี “เสี่ยเปรมชัย”รายวัน ติด “#เราไม่เอาศรีวราห์”สนั่นโซเชี่ยลฯ แถมทำท่าจะลามถึง"บิ๊กตู่"
จ่อยิงแทบเผาขน .. ที่แท้ “เสือดำ”ผู้น่าสงสาร โดน“พรานใจทมิฬ”ยิงจากระยะใกล้แค่ 10 เมตร แถมซัดไป 3 นัด เข้าเป้าแค่นัดเดียว แต่เป็นกระสุนลูกปรายนัดเดียว จนปรากฏแผลบนหนังเสือดำถึง 8 รู .. เป็นข้อมูลที่ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยออกมาล่าสุด .. ที่น่าสนใจก็คือ “ปืนที่ลั่นไก”เป็น 1 ใน 3 กระบอก ที่พบในที่เกิดเหตุ ทั้งหมดเป็นปืนของ“พรานเจ้าสัว”เปรมชัย กรรณสูต เบอร์หนึ่ง บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) .. สรุปเบื้องต้นว่ากระสุนปลิดชีพ“เสือดำ”ออกจาก“ปืนเปรมชัย”ติดก็แต่ใครเป็นคนยิงเท่านั้น .. อันนี้เป็นข้อมูลจากกองพิสูจน์หลักฐานฯ ที่น่ากลัวเหลือเกินว่า เดี๋ยว“บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. จะมาทำให้เพี้ยนไปอีก .. ด้วยวีรกรรม“จอมปลด”ไล่ปลดคดีให้“เจ้าสัวเปรมชัย”เป็นรายวัน จนตอนนี้เป้าโจมตีเปลี่ยนจาก “บิ๊กอิตาเลียนไทย” ชั่วคราว แห่กันมาถล่ม“บิ๊กศรี”แทน .. ด้วยกระแส “#เราไม่เอาศรีวราห์”พร้อมคำสร้อย "โถ่ศรีทำคดีให้ " หลุดคดีรายวันใครจะทนได้ หลักฐานที่มีอยู่ ไม่ช่วยอะไรก็เปลี่ยนเถอะ" .. ที่ตอนนี้แชร์กันสนั่นโซเชี่ยล เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว "ศรีวราห์" พ้นจากการทำ“คดีทุ่งใหญ่ 2561”..
นอกจากกระแสความไม่พอใจมาอยู่ที่“พี่ศรี”แล้วยังทำท่าจะลามไปยัง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกด้วย ที่ออกมา "สวนกระแส" เรื่องเปลี่ยนตัวทีมสอบสวน ด้วยคำถามกลับมาว่า "เจ้าหน้าที่เขาทำอะไร..เสียหายหรือยัง" ตามด้วยคำพูดที่คุ้นหู "เป็นเรื่องกฎหมาย..ก็ไปว่ากันมา" แล้วก็ตัดจบว่า "อย่าไปตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึก" ใครๆ ฟังแล้วก็คงตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก ว่า "ไม่เปลี่ยนทีมสอบ" แถมยังตีความเลยไปอีกขั้นว่า ตกลง "บิ๊กตู่" ป้องใคร หรือ ป้องทั้งสองคน
**เรียบร้อยฟาร์มโชคชัย!! “ผู้กำกับฯบางบาล”โปรไฟล์ดี โวย“ไม่มีนาย ไม่มีตั๋ว”โดนเด้งเข้ากรุ สตช. อีกด้าน“เขยบิ๊กป๊อด”พ.ต.ท.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ตำรวจหนุ่มงานดี แต่แบ็กดีกว่า ได้ขึ้นชั้นผู้กำกับหนแรก คว้า “สน.บางรัก”โรงพักเกรด A+ ได้ดิบดีได้ดี“ไวเกิ๊น”จนรุ่นเพื่อน-รุ่นพี่ได้แต่ ค้อนเคือง
ไม่มีนาย ไม่มีตั๋ว .. คำตัดพ้อของพ.ต.อ.กันตพงษ์ นิลขำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกย้ายเข้ากรุเป็น ผกก.ฝ่ายอำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ .. ทั้ง “โปรไฟล์-ผลงาน”สวยหรู มีรางวัลการันตีส่วนตัวนับไม่ถ้วน ดันถูกส่งเข้ากรุ สตช.ไปนั่งทำงานเอกสารซะงั้น .. เหตุผลตามที่ “ผกก.กันตพงษ์”เปรยประมาณว่า อาชีพนี้“ทำดี ไม่มีผล สนองตอบนโยบาย ไม่มีความก้าวหน้า ช่วยเหลือประชาชน ไม่มีความเจริญในอาชีพ”..อยากได้ดีก็แค่ “มีนาย มีเงิน มีตั๋ว” แล้วจะได้ทุกอย่างในระบบนี้ .. เป็นเรื่องที่คนใน-คนนอก ต่างรู้ดีในอารมณ์ “ละไว้ในฐานที่เข้าใจ”หรือได้ก็แค่ก้มหน้ายอมรับว่า “โคตะระจริง”..กลายเป็นว่าเรื่อง “ค่าตั๋ว - ค่าโพย”ซื้อขายเก้าอี้ วนลูปมาทุกฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้าย ตามมาด้วยคำถาม .. แล้ว“ปฏิรูปตำรวจ”ชาติไหนจะเสร็จ .. ถาม “บิ๊กสร้าง”พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานปฏิรูปสีกากี ไปก็เท่านั้น ยุคนี้ต้องไปถาม "บ้านใหญ่-ลาดพร้าว-โชคชัย" มากกว่ามั้ง ?? ..
เป็นธรรมดา มีคนอกหัก ก็ต้องมีคนสมหวัง ไม่ปฏิเสธว่า“คำสั่งแต่งตั้งวาระ 61”งวดนี้ นายตำรวจผลงานเด่น-คุณภาพดี เข้าวินไม่น้อย แต่ที่มี “เครื่องหมายคำถาม”ก็ไม่น้อยเช่นกัน .. รายนี้ก็ด้วย“รองฯด้วง”พ.ต.ท.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รองผู้กำกับปราบปราม สน.ลุมพินี เจ้าของสมญา “ราชบุตรเขย”แห่งยุทธจักรสีกากี ด้วยเป็นลูกเขย“บิ๊กป๊อด”พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. .. เดิมชื่อ “เดอะด้วง”จับจอง“โรงพักเกรด A” อย่าง“สน.ทุ่งมหาเมฆ”เอาไว้ ที่ไหนได้ พอโผออก พรวดไปคว้าเก้าอี้ “ผู้กำกับ สน.บางรัก”ที่ในวงการยกให้เป็น “โรงพักเกรด A+”หน้าตาเฉย .. แม้เรื่องผลงาน-ฝีมือ “รองฯด้วง”จะค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ ถึงขนาดอวยกันว่าเส้นทาง“ว่าที่ ผบ.ตร.”สดใส .. ติดก็แต่เรื่องอาวุโสยังด้อยพอสมควร ด้วยดีกรี “ตท.39 -นรต.55”โดดขึ้นชั้นผู้กำกับฯ ทิ้งห่างเพื่อนร่วมรุ่นเป็นช่วงตัวไม่ว่า ยังคว้า “ทำเลทองเกรด A+”ทำรุ่นพี่หลายคนขุ่นเคืองไม่น้อย .. หนีไม่พ้นเป็น“ขี้ปาก”ได้ดิบดีได้ดี “ไวเกิ๊น”เหตุมี “แบ็กดี”ด้วยมี “พ่อตา”บ้านอยู่แถวโชคชัย แล้วก็ยังเป็น “หลานเขย”ของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับ สตช.อีกต่างหาก
**ทอนเยอะแล้วโตไว!! เปิดอีกมุม“โกงเงินผู้ยากไร้”แลกบำเหน็จ “ซี 8”ขึ้น“ซี 9” เฉลยเหตุโยกย้ายข้าราชการ พม. งวดก่อน คนจาก“กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ”ขึ้นยกแผง แถมอธิบดีฯ ยังอัปเกรด ขึ้นปลัดฯ แหกโผ“บิ๊กคลองหลอด”ที่กะจะส่ง“สิงห์ดำ”สไลด์มาคุม“กระทรวงนักบุญ”
ยิ่งสาวยิ่งแซ่บ .. ยิ่งคนในรัฐบาลตามกระแส มาสรรเสริญเยินยอ“น้องแบม”ปณิดา ยศปัญญา นิสิตคนกล้าของ ม.มหาสารคาม ผู้เปิดโปงกลโกงทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ที่ตอนนี้ฝีแตกไปแล้วกว่า 24 จังหวัด .. ก็เท่ากับว่า“บิ๊กรัฐบาล”ยอมรับว่า “โกงกันจริง”สำทับกับคำสั่งเด้ง พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์-ณรงค์ คงคำ ปลัด และรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ .. เมื่อยอมรับว่า“โกงกันจริง”บทสรุปของเรื่องนี้ก็ไม่ควรหยุดแค่การสรรเสริญคนกล้าอย่าง “น้องแบม”หากแต่ต้องลากคอ “คนผิด”มาลงโทษให้ได้ .. แล้วยังมีข้อมูลอีกด้านว่า“มหกรรมโกงเงินคนยากไร้”ที่ทำมาตั้งแต่สมัยชงเรื่องครั้งแรก เมื่อปี 2558 ของบประมาณช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย คนไร้ที่พึ่ง ขอทาน และผู้ป่วยเอดส์ ปีงบประมาณละ 600 ล้านบาท รวม 2 ปี 1,200 ล้านบาท .. เป็นโครงการในความรับผิดชอบของ “กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ”ที่ตอนนั้นมี อธิบดีชื่อ “พุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์”และรองอธิบดีชื่อ“ณรงค์ คงคำ” ..ไล่เรียงแล้วก็พบว่าทำกันเป็น“ขบวนการใหญ่”ข้าราชการเกี่ยวข้องแทบทุกระดับ .. มีการสั่งการจาก“ส่วนกลาง”โดยหัวขบวนที่เป็น “ข้าราชการระดับสูง”ลงไปในระดับปฏิบัติ .. ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ “เงินทอน”มากที่สุด ทั้งปลอมบัญชี ปลอมลายเซ็น จ่ายไม่ครบ หรืออมตุ่ยไว้ ไม่จ่ายเลยก็มี ..
ที่ทำให้บรรดา“ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง”ทั่วประเทศตาโต ก็เพราะมีข้อเสนอล่อใจ ประมาณว่า ใครทอนเงินได้เยอะ ก็จะได้รับการปูนบำเหน็จจาก“ระดับ 8”เป็น “ระดับ 9”.. จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมข้าราชการระดับ“ซี 9”ของ “กระทรวงนักบุญ”ตอนนี้ถึงมีแต่คนจาก“กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ”แทบยกแผง .. ไม่เท่านั้น มีอะไรไม่รู้ดลใจให้ “บิ๊กอู๋”พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เจ้ากระทรวงนักบุญคนก่อน เอ็นดู“อธิบดีพุฒิพัฒน์”ส่งขึ้นชั้นปลัดฯ หรือรายของ “ณรงค์”ก็พ้นกรุผู้ตรวจฯ มาเป็นรองปลัดฯ .. ถือเป็นร่องรอยที่สะท้อนว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่“ข้าราชการในกระทรวง”ต้องมี “บิ๊กที่เหนือกว่า”ได้เสียด้วย .. มิเช่นนั้น “พุฒิพัฒน์”คงไม่เจ๋งถึงขนาด แหกโผจาก“บิ๊กคลองหลอด”ที่เตรียมส่ง อภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สไลด์มาขึ้น เบอร์ 1 กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วทำให้สายแข็งอย่าง“อภิชาติ”ต้องปิดฉากชีวิตราชการ ตันแค่ระดับอธิบดี .. โกงน่ะโกงแน่ อยู่ที่ว่าส่วนยอดของ“วงจรอุบาทว์”เป็นใคร ดูไม่ยาก ใครที่มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งระดับปลัด-รองปลัด หรือดูจากลายแทง“ซี 11 - ซี 8”ก็รู้ใครเป็นใคร .. งานไม่ยาก อยู่ที่คณะกรรมการสอบสวนฯ จะเจอ“ตอ”หรือเปล่าเท่านั้นเอง.
** ครื้นเครงในกะลา!! “ธรรมยาตรา” กร่อย เกณฑ์สาวกจัดตั้ง สร้างภาพให้ดูคึกคัก โดนสาปส่งตั้งแต่จุดสตาร์ท จับตา “ธรรมกาย”สยายปีกการเมือง ส่งลิ่วล้อจดจองชื่อ“พรรคแผ่นดินธรรม” สืบสาแหรก “กรณ์-บรรจบ” หัวหมู่องครักษ์พิทักษ์ “ลัทธิจานบิน-สมเด็จช่วง”
คิกออฟกันไปแล้วนะ .. อีเวนต์ “ธรรมยาตรา”หรือ “ธุดงค์ธรรมชัย”ของ “ลัทธิจานบิน”วัดพระธรรมกาย พ่วงแคมเปญ“รักษ์บวร รักษ์ศีล 5”ของ “สมเด็จช่วง”สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ .. ระดมสงฆ์ 1,134 รูป ไปสตาร์ทกันที่ อนุสรณ์สถานบ้านเกิดพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หรือที่มีนิคเนมว่า “โลตัสแลนด์”ตั้งอยู่ ณ ต.สองพี่น้อง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี .. งานนี้แว่วว่า สงฆ์ 1,134 รูป กะเกณฑ์มาจากประเทศเพื่อนบ้านเหมือนเดิม ส่วนสาวกนั่งเรียงต้อนรับรายทาง ก็ไร้“คนท้องถิ่น”จนต้อง “จัดตั้ง”มาจากที่อื่น เพื่อให้ภาพออกมาดู
คึกคักหน่อย .. ส่วคนในพื้นที่ก็เหมือนเดิม สาปส่งไม่ขาดปาก แม้ “สงฆ์จานบิน”จะไม่ได้ออกมาเดินกันในที่สาธารณะให้รำคาญลูกตา แต่ขบวนรถขนคน ก็ทำให้วุ่นวายโกลาหลพอสมควร .. กว่าจะจบอีเว้นต์ 31 มี.ค. ต้องไปอีกหลายจังหวัด ก็คงไม่พ้นถูกสาปส่งตลอดทาง ..
อีเวนต์ที่อ้างทางธรรมก็ว่ากันไป“ลิ่วล้อทางโลก”ก็ขยับน่าสนใจ เมื่อปรากฏว่า 1 ใน 42 กลุ่ม ที่ไปจดจองพรรคการเมืองกับ กกต. สัปดาห์ก่อน มีชื่อ “พรรคแผ่นดินธรรม”รวมอยู่ด้วย .. เปิดชื่อคนยื่นขอ คุ้นหูกันดี“กรณ์ มีดี”ที่ตั้งตนเป็น “เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย” ..ถ้าจำกันได้ “กรณ์ มีดี”คนนี้ ร่วมกับ “บรรจบ บรรณรุจิ”ที่อ้างตัวเป็นประธานสมาพันธ์ฯ มีบทบาทพอสมควรในช่วง“วิกฤติธรรมกาย” .. ทั้งการออกมาปกป้อง“ธัมมชโย”อย่างสุดลิ่ม หรือกรณีรถหรูของ“สมเด็จช่วง”..แล้วยังเป็นคนที่ยื่นเรื่องให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ พ้นจาก ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ .. แถม “บิ๊กรัฐบาล”ทะลึ่งรับลูก สั่งปลดจริงซะด้วย ก่อนเจอ“ไฟต์บังคับ”คืนตำแหน่งให้ “ผอ.พงศ์พร”หลังผ่านไปเดือนเดียว .. การที่“กรณ์ มีดี - บรรจบ บรรณรุจิ”โผล่ไปยื่นขอจดจองพรรคการเมือง ก็น่าจะเป็นการเดินเกมสยายปีกเข้าสู่การเมือง ของ“ลัทธิจานบิน” นั่นเอง .. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเป็นลมใต้ปีก“ระบอบทักษิณ”มาโดยตลอด.
ช.ชฎา