ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ปล่อยผีลัทธิจานบิน! ให้ประกาศศักดาคิกออฟ “ธุดงค์ธรรมชัย” อีเวนต์ใหญ่ประจำปีอีกครั้ง วางเส้นทาง “ผู้ปราบมาร” ผ่าน 6 จังหวัด พ่วง “โครงการรักษาศีล 5” ของ “สมเด็จช่วง” ประจานผลงาน “รัฐบาล คสช.” ปฏิรูปผ้าเหลือง เหลวไม่เป็นท่า
มาอีกแล้วจร้าาาา .. “ธุดงค์ธรรมชัย” อีเวนต์ใหญ่ประจำปีของ “ลัทธิจานบิน” วัดพระธรรมกาย ที่นำสงฆ์ในเครือข่ายเดินบนเส้นทาง “ผู้ปราบมาร” ปูด้วยกลีบดอกไม้ ผ่านพื้นที่หลายจังหวัด .. จัดมาต่อเนื่อง 4-5 ปี ท่ามกลางเสียงก่นด่า สร้างความเดือดร้อนตลอดเส้นทาง .. จนเมื่อปี 2559 ต้องปรับแผนให้สงฆ์มากกว่าพันรูปไปเดินธุดงค์ในวัดแทน .. กระทั่งปีที่แล้ว 2560 “ค่ายธรรมกาย” เจอ “ทัพ DSI” ประชิดรอบด้าน หัวขบวนอย่าง “ธัมมชโย” เผ่นไปไหนไม่รู้ชะตากรรม .. แต่ละจังหวัดก็รู้ “ทิศทางลม” ก็เลยไม่อนุญาตให้ใช้เส้นทางสาธารณะ ก็เลยต้องยกไปหนึ่งปี จนคาดว่าจะ “ปิดตำนาน” ไปแล้วด้วยซ้ำ .. มาปีนี้ 2561 เปิดหัวต้นปี ก็เอากันเลย “ธัมมชโย” ไม่อยู่ก็ไม่ใช่อุปสรรค ยังมี “ทัตตชีโว” ที่ว่ากันว่า “ตัวจริงธรรมกาย” นำทัพแทน .. ประกาศโครม ฤกษ์ดี “มาฆบูชา” จัดกิจกรรมธรรมยาตราฯ 1 เดือนเต็ม ระหว่าง 2-31 มี.ค.นี้ .. วางเส้นทาง “ผู้ปราบมาร” ในพื้นที่ 6 จังหวัด สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร ปทุมธานี นนทบุรี และ กทม. ... เหมือนประกาศกลายๆ ว่า ได้รับการอนุญาตจากทางจังหวัดที่ว่าทั้งหมดแล้ว จริงไม่จริง พ่อเมืองแต่ละจังหวัดวานตอบด้วย ..
พิเศษหน่อย ปีนี้ยังพ่วง “โปรเจกต์สมเด็จช่วง” กิจกรรม “รักษ์บวร รักษ์ศีล 5” ที่ประยุกต์มาจาก “โครงการรักษาศีล 5” ที่มีชื่อ “สมเด็จช่วง” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ แห่งวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้ริเริ่ม .. นัยว่าส่งสัญญาณให้เห็นว่า “แบ็กอัพ” ของ “ลัทธิจานบิน” ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม .. จนต้องมีคำถามถึง “รัฐบาล คสช.” ที่เคยเอาเป็นเอาตายกับปฏิบัติการ “ล้างบางจานบิน” ชำระวงการพระพุทธศาสนา .. ใช้ มาตรา 44 ขนกำลังพลครึ่งค่อนประเทศ ควานหาตัว “ธัมมชโย” แต่ก็คว้าน้ำเหลว .. ในขณะที่ “ตัวขับเคลื่อน” งานปฏิรูปสงฆ์ก็เปลี่ยนหน้าค่าตา แม้ได้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ คืนเก้าอี้ ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ .. ขณะที่ระดับนโยบายได้ “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ควงคู่ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกำกับสำนักพุทธฯ แต่งานเกี่ยวกับวงการผ้าเหลืองเงียบกริ๊บอย่างไม่น่าเชื่อ .. เมื่อ “ค่ายจานบิน” กล้าประกาศคิกออฟอีเวนต์ใหญ่ “ธุดงค์ธรรมชัย” เยี่ยงนี้ก็ไม่พ้นคำนินทา ที่แท้ “รัฐบาลทหาร” ก็เด็ดขาดไม่ได้ครึ่งของอำนาจในมือ “เลี้ยงไข้-ปล่อยผี” ให้ “ลัทธิลวงโลก” ตามหลอกหลอนสังคมไทยต่อไป .. แล้วหากว่า ผู้ว่าฯ 6 จังหวัด เปิดไฟเขียวให้สงฆ์กว่าพันรูปเดินสะดวกในพื้นที่สาธารณะ สร้างปัญหา “รถติด-มลพิษทางสายตา” แล้ว “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่คิดจะระงับยับยั้ง อีกละก็ .. แบบนี้ก็ชัดเลย คง “ซูเอี๋ย-เกี้ยเซี้ย” กันเรียบร้อย.
** ซอยสายลมระอุ! ศึกสัประยุทธ์ “ทีมน้อย-ทีมน้ำ” ชิงความเป็นใหญ่ “อาณาจักรแสนล้าน” เดิมพันใหญ่คัก ประมูลคลื่น 5 แสนล้านบาท จับตา “ใบสั่ง” ว่อน สนช. จับวาง 14 แคนดิเดต บอร์ด กสทช.ชุดใหม่
ยังเต็มไปด้วยความสับสน ระคนสงสัย .. ถึงเหตุที่ “สภาฝักถั่ว” สถานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติล้มกระดาน รายชื่อ “ว่าที่ 7 กกต.” เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน .. ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหลากหลาย แต่ทุกเสียงชี้ตรงกันว่า “ผิดปกติ” และมี “ใบสั่ง” อย่างแน่นอน .. และจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามแต่ การโหวตคว่ำ “7 ว่าที่ กกต.”กลายเป็น “ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก” ที่เรื่องหนึ่งไปกระทบอีกเรื่องหนึ่ง .. นั่นก็คือ การสรรหา “บอร์ด กสทช.” ในลักษณะ “คนละเรื่องเดียวกัน”..หากแต่ผลกระทบที่เกิดขึ้น หาใช่ “ความบังเอิญ” แต่มี “ใครบางคน” จงใจวางพลอตเรื่องให้เป็นเช่นนั้น .. ด้วยมี “ศูนย์กลางของเรื่อง” เป็นคนคนเดียวกัน นั่นก็คือ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. และอดีตว่าที่ กกต. .. เมื่อหนทางการไปทำหน้าที่ “กรรมการการเลือกตั้ง” ถึงทางตัน ก็หันหางเสือกลับมาจัดแจงกิจการ กสทช. ในฐานะ “แม่บ้านซอยสายลม” อย่างน้อยอีก 2 ปีครึ่ง จนถึงอายุ 60 บริบูรณ์
.. ความบันเทิงเกิดขึ้นทันที เมื่อมีกระบวนการ “จับวาง” แคนดิเดต กสทช.เข้าสู่รอบไฟนอล 14 รายชื่อ กลายเป็น “ศึกสัประยุทธ์” ของ “2 ขาใหญ่” ใน กสทช. ระหว่าง “สายน้ำ” กับ “สายน้อย” ..ด้วยงานนี้มี “เดิมพันสูง” ในการประมูลคลื่นความถี่ในอนาคตอันใกล้ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ตลอดจนโครงการเก่า-ใหม่ ที่ล้วนแล้วแต่มี “ผลประโยชน์” ดีกว่าไปฟาดฟันกับฝ่ายการเมืองที่ กกต.เป็นไหนๆ .. ที่สำคัญ “ต้นขั้ว 2 สาย” ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ยังมี “คดีเก่า”ที่ซุกอยู่ใต้พรมทั้งคู่ หาก “บอร์ดใหม่” มาแล้วเกิดคุมไม่ได้ ภัยมันจะถึงตัว .. จุดเปลี่ยนสำคัญคือ หนังสือตอบกลับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เกี่ยวกับ “ลักษณะต้องห้าม”ในการดำรงตำแหน่ง กสทช. ที่ลงนามโดย “เลขาฯ ฐากร” ที่ทำเอา “ตัวเต็ง” ร่วงกันระนาว .. ทั้ง พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร อดีตหน้าห้องประธาน กสทช. หรือ พล.อ.ภุชพงศ์ พงษ์ศิริ นายทหารคนสนิท “บิ๊ก คสช.” กระทั่ง อารีพงษ์ ภู่ชะอุ่ม ก็ไม่รอด .. หากแต่ใน 14 แคนดิเดต ก็มีแบ่ง “ทีมน้ำ-ทีมน้อย” กันชัดเจน .. โดย “ทีมน้อย” หลุดเข้ามาได้มากกว่าอย่างน้อย 6 คนใน 7 ด้าน ประกอบด้วย “ธนกร ศรีสุขใส - พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ - มนูภาน ยศธแสนย์ - ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร - ภักดี มะนะเวศ - วรรณชัย สุวรรณกาญจน์” .. ส่วน “ทีมน้ำ”ที่เจอสกัดดาวรุ่ง หลุดเข้ามาได้แค่ 4 คนใน 7 ด้าน คือ “พ.อ.กฤษฎา เทอดพงษ์ - พล.อ.มังกร โกสินทรเสนีย์ - อธิคม ฤกษบุตร - พ.อ.อนุรัตน์ อินกัน”..สุดท้ายสิทธิ์ขาดตัดสินใจอยู่ที่ “ที่ประชุม สนช.” อีกแล้วครับท่าน และเชื่อว่าโค้งสุดท้าย “ใบสั่ง” คงปลิวว่อน “สภาฝักถั่ว” เช่นเคย .. แต่ดูจากผลงานการรับออเดอร์คว่ำ ว่าที่ กกต.แล้ว ต้องบอกว่า ทรงบอล “ทีมน้อย” ขี่อยู่หลายช่วงตัว .
** โอกาสแทบปิดตาย!! “สมชัย” ลดชั้นร่วมวงสรรหา “เลขาฯ กกต.” แค่สร้างสีสัน เหตุ “ออฟไซด์” จนสร้างโจทก์ไว้เยอะ ทั้งใน “กกต.-คสช.” สุดท้าย พกโปรไฟล์ “อดีต กกต.” ไปหางานอื่นทำแทน
เซอร์ไพรส์เล็กๆ .. เมื่อ สมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัดสินใจกรอกใบสมัครร่วมวงสรรหาเป็น “เลขาฯ กกต.” กับเขาด้วย .. หาได้น้อยมาก กับการที่คนระดับ “บอร์ดบริหาร” จะลดตัวลงมาเล่นในตำแหน่ง “เล็กกว่า” ..ด้วยเหตุผลที่ยกขึ้นมาอ้างว่า ขอเป็นเรือเล็กที่ประคองเรือลำใหญ่ และเพื่อเป็น “ตัวเชื่อม” ส่งต่องานระหว่าง กกต.ชุดเก่า-ชุดใหม่ .. เป็นจุดยืนที่สร้างความประหลาดใจพอสมควร ด้วยก่อนหน้านี้ที่ กกต.ชุดเก่าถูก “เซตซีโร่” จากองคาพยพ คสช. “สมชัย” ถึงขนาดออกอาการตุ๊บป่อง ออกมาคอมเมนต์ ดุเดือด “ไม่เผาผี” กันเลยทีเดียว .. แม้การเลือกเลขาฯ กกต.จะเป็นสิทธิ์ขาดของ “4 กกต.ชุดเก่า”ที่ทำงานมักคุ้นกับ “สมชัย” กันมาหลายปี แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่า โอกาสริบหรี่เหลือเกิน .. ด้วยที่ผ่านมามีข่าวระหองระแหงกันภายใน “5 เสือ กกต.”มาตลอด ...
ครั้งหนึ่งเคยมีคนคิดการใหญ่ เขย่าเก้าอี้ “ศุภชัย สมเจริญ” ประธาน กกต. จนมองหน้าไม่ติดกันมาแล้ว .. รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นที่ “ออฟไซด์” สร้างความขุ่นเคืองให้บรรดา “บิ๊ก คสช.” หลายหน .. แม้ “สมชัย” จะตีอ่อยไว้ว่า หากได้เป็นเลขาฯ กกต.จะพูดจาสงบเสงี่ยมมากขึ้นก็ตาม แต่การสร้างโจทก์ไว้ทั่วเมือง ก็ทำโอกาสที่ “สมชัย” จะได้งานใหม่ในตำแหน่งสำคัญในยุค “รัฐบาลทหาร” แทบจะปิดตาย .. ไม่เพียงเท่านั้น ผู้สมัครเข้าสรรหาเลขาฯ กกต.ล้วนแล้วแต่ “เบอร์ใหญ่” ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตเลขาธิการศาลปกครอง หรือ ธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม .. หากจะเอาที่ตอบโจทย์ “ตัวเชื่อม” เพื่อส่งต่องานระหว่าง กกต.ชุดเก่า-ใหม่ ก็มี “คนใน” ทั้ง พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาฯ กกต. ที่ตอนนี้รักษาการเลขาฯ กกต.อยู่ รวมทั้ง แสวง บุญมี รองเลขาฯ กกต.อีกคนเสนอตัวอยู่แล้ว .. อีหรอบนี้ “สมชัย” คงได้แค่พกตำแหน่งอดีต กกต.กลับบ้าน ไปเป็นโปรไฟล์หางานอื่นทำตามบัญชาของ “หลังบ้าน” มากกว่า
** ดั่งปณิธานผู้วายชมน์!! จดหมายสั่งเสีย “สล้าง” สร้างกระแสถกเถียงโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของไทย แม้ไม่ตรงจุดยืนผู้ตาย แต่ก็เกิด “องค์ความรู้” ในวงกว้าง หลายเสียงยืนยัน “อดีตรอง อตร.” สนใจ “ระบบราง” จริงจัง
อาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูก ... หากแต่การสละชีวิตตัวเองของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ก็ทำให้เกิดการถกเถียงในเชิงความคิดเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งของไทยในวงกว้าง .. เป็นไปดั่งปณิธานของตัวผู้วายชมน์ ที่ระบุใน “จดหมายสั่งเสีย” ที่ต้องการใช้วาระสุดท้ายของชีวิต เพื่อ “จุดประกาย” ในประเด็นที่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษมาตลอดชีวิต .. กระทั่ง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คมนาคม ก็ยอมรับว่าทางกระทรวงฯ ได้ศึกษาในประเด็นของ “สล้าง” มาตลอด แต่การดำเนินการต้องเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย .. เช่นเดียวกับใน “สังคมออนไลน์” ที่มีการนำเสนอชุดความคิดเกี่ยวเรื่องขนาดความกว้างของรางรถไฟ 1 เมตร หรือ 1.435 เมตร รวมไปถึงขนาดอื่นๆ อย่างหลากหลาย .. ขนาดใดเหมาะสมกับการเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน หรือกว้างเท่าใด ถึงเหมาะกับรถไฟความเร็วสูง เป็น “องค์ความรู้” ที่ตามปกติไม่ค่อยเป็นที่สนใจ .. และแม้หลายชุดข้อมูลจะไม่ได้ตรงกับ “จุดยืน” ของ “สล้าง” ด้วยทุกแนวคิดมีเหตุและผลในตัว แต่อย่างน้อยทำให้เกิดการถกเถียงก็ถือเป็นสิ่งที่ดี ..
อีกทั้งยังมีเสียงสะท้อน-คำยืนยันในความปรารถนาดี และความมุ่งมั่นของเจ้าของสมญา “เสือใต้แห่งกรมตำรวจ” ต่อระบบคมนาคมขนส่งของไทย .. ทั้งจากคนในครอบครัว ตลอดจนคนนอกที่ได้สนทนา และสัมผัสกับ “สล้าง” โดยตรง .. ทั้งรายของ “นิกร จำนง” อดีตที่เคยได้รับข้อมูลจากมือ “สล้าง” เมื่อครั้งอยู่ในตำแหน่ง รมช.คมนาคม .. หรือ “บก.ลายจุด” สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ได้รับเชิญไปสนทนาถึงบ้านพักของ “อดีตรอง อตร.” ที่ถูกปรับพื้นที่เป็น “วอร์รูมรถไฟความเร็วสูง” ถึงกับอดสงสัยที่มาของ “ความคลั่งไคล้” ในเรื่องระบบรางของนายตำรวจอาวุโสท่านนี้ไม่ได้ .. ถือเป็นข้อบ่งชี้ว่า การปลิดชีวิตตัวเองครั้งนี้ให้น้ำหนักในเรื่องส่วนรวมมากกว่าเรื่องส่วนตัว .. สำหรับพิธีบำเพ็ญกุศล พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค จะจัดขึ้นที่ศาลา 11 (ศาลากลางน้ำ) วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร กำหนดสวดพระอภิธรรมในเวลา 19.00 น. จนถึงวันที่ 5 มี.ค. จากนั้นทางครอบครัวจะเก็บร่างของ “สล้าง” ไว้เป็นเวลา 100 วัน ก่อนจะกำหนดวันจัดพิธีฌาปนกิจอีกครั้ง
ช.ชฎา