นายกฯ พร้อมคณะรัฐมนตรีเริ่มลงพื้นที่และตรวจเยี่ยมโครงการต่างๆ รวมไปถึงการพบปะกับประชาชนในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างที่รัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหาร การประมงและการท่องเที่ยว ย้ำเดินหน้าสางค้ามนุษย์ เน้นหลักมนุษยธรรม
เช้าวันนี้ (5 มี.ค.) ที่มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพแรงงาน (LPN) ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการ ในโอกาสการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2561 (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 5-6 มี.ค.ที่ จ.สมุทรสาคร และ จ.เพชรบุรี ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกฯ ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน กก 3344 สมุทรสาคร
โดยนายกฯ เยี่ยมชมมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพแรงงาน (LPN) ซึ่งเป็นองค์ที่ทำงานภาคประชาสังคมและเน้นการทำงานกับแรงงานข้ามชาติใน จ.สมุทรสาครเป็นหลัก เป็นศูนย์ให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่แรงงานย้ายถิ่น ส่งเสริมการรับรู้และเข้าถึงสิทธิที่พึงจะได้รับ โดยนายกฯรับฟังผลการดำเนินงาน รวมถึงปัญหาต่างๆ ในการทำงาน ก่อนที่จะนำไปพิจารณาหามาตรการให้ความช่วยเหลือ
พร้อมกล่าวกับตัวแทนเอ็นจีโอว่า เมื่อมีการร้องทุกข์เข้ามาแล้วต้องรู้ด้วยว่าจะต้องมีการบริหารจัดการอย่างไรต่อไป ดังนั้นจะต้องมีชุดความรู้ของเองด้วย ถ้าฟังอย่างเดียวแล้วชี้แจ้งเขาไม่ได้ ก็จะกลายเป็นแต่ปัญหา เพราะไม่มีวิธีการแก้ไขเสนอ ส่งผลให้ข้อมูลหลุดไปที่ต่างประเทศ จุดนี้ต้องช่วยกันดูด้วย เพราะการที่บางคนไม่ได้ทำงานกับเราแล้วนำไปพูดข้างนอก กลายเป็นว่าเราไม่มีผลงานซึ่งมันไม่ใช่ ตนเข้าใจการทำงานของเอ็นจีโอ โลกวันนี้เป็นแบบนี้ แต่เอ็นจีโอก็ต้องดูด้วยว่าผลประโยชน์ประเทศชาติอยู่ตรงไหน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องปกปิดใคร ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้อง ยอมรับว่ามันยาก เรื่องของแรงงานเกี่ยวข้องทั้งผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ และตัวแรงงาน โดยทั้ง 3 ส่วนนี้ต้องช่วยกัน อย่าให้ต่างคนต่างมีปัญหา รัฐบาลจะดูในภาพรวม เชื่อมโยงกับเอ็นจีโอ รัฐบาลจะไม่เอาเอ็นจีโอไปข้างนอก เราต้องทำงานร่วมกันให้ได้ เอาปัญหามาพูดกันแล้วหาทางแก้ แต่ถ้าจะโจมตีกันไปมาว่าคนนั้นถูกคนนี้ผิดก็จะทำให้แก้ปัญหาไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในเรื่องของกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ละเลยไม่เอาจริงเอาจัง เจ้าหน้าที่ก็จะต้องถูกลงโทษ ถ้ามีขอให้ส่งชื่อมาจะสอบสวนลงโทษให้ และถ้าผู้ประกอบการไหนไม่ให้ความร่วมมือ ตามกฎหมายก็จะต้องถูกลงโทษด้วย เจ้าหน้าที่จะทำผิดไม่ได้
“ถ้าไม่มีคนให้ความร่วมมือ ถ้าไม่มีคนเสนอก็จะไม่มีคนรับ ถ้ามีคนเรียกก็ต้องฟ้องกันไป ถ้ารักษากฎหมายได้เท่านี้ทุกอย่างก็จบหมด แต่ที่ผ่านมามันมีสมยอมกัน แม้แต่เรื่องการจดทะเบียนแรงงานในวันนี้ยังค้างอีกเกือบแสน ซึ่งเจ้าหน้าที่นัดให้ไปขึ้นทะเบียนแรงงาน แต่ผู้ประกอบการก็ไม่นำแรงงานของตัวเองไปขึ้นทะเบียน ตรงนี้เอ็นจีโอจะต้องไปไล่ในส่วนของผู้ประกอบการที่ไม่มาตามนัดให้รัฐบาลด้วย ทั้งหมดนี้เอ็นจีโอจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาด้วย พร้อมกับการชี้แจงไปยังต่างประเทศ ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐบาลชี้แจงแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะปัญหาประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู การค้ามนุษย์ ซึ่งเกิดจากต่างประเทศทั้งนั้น และนับวันองค์กรเหล่านี้จะมีบทบาทสูงขึ้น เพราะกลุ่มประเทศเศรษฐกิจก็ต้องหามาตรการที่เกิดประโยชน์กับตัวเอง ถ้าเราไปเข้าข้างเขามากๆ ประเทศจะไม่เกิดประโยชน์อะไร แรงงานพวกเรานี่แหละจะลำบากไปด้วย ฉะนั้นบทบาทของ NGO จะต้องทำด้วยกัน 2 อย่าง คือ ดูแลแก้ปัญหาของตัวเอง และช่วยรัฐบาลด้วย
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับแรงงานชาวพม่าว่า เมื่อมาอยู่แผ่นดินไทยก็จะต้องรักทั้ง 2 ประเทศ เมืองไทยทำให้เรามีอาชีพและรายได้ ในวันข้างหน้าทุกคนก็คงต้องกลับประเทศ เพราะแต่ละประเทศมีการพัฒนา เชื่อว่าทุกคนอยากกลับบ้าน แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้รายได้ที่ประเทศไทยดีกว่า การดูแลก็ดีกว่า แต่ขอให้เชื่อว่าวันข้างหน้าประเทศของท่านก็จะต้องดีขึ้น ส่วนปัญหาการค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยจะดูแลทั้งหมด โดยปฏิบัติตามกฏหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ถามชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานทั้งชาวไทยและพม่า โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ เช่น นายสอนรัก จีนอิน ลูกเรือประมงชาวไทยที่ประสบอุบัติเหตุแขนขาด โดยทางมูลนิธิฯ ได้ดูแลเยียวยา รวมถึงนายทูน ริน อดีตลูกเรือประมงชาวพม่า ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวกับครูที่สอนหนังสือให้แก่บุตรของแรงงานในพื้นที่ว่า ให้สอนเรื่องจิตสำนึกและคุณธรรมด้วย รวมถึงการมีอุดมการณ์ เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข มิเช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งเช่นนี้ เหมือนกับที่ขัดแย้งในเรื่องของกฎหมาย
จากนั้นนายกฯ รับฟังบรรยายสรุป พร้อมข้อเสนอจากมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยนายกฯ ได้กล่าวเน้นย้ำว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และปัญหาแรงงานข้ามชาติให้เป็นรูปธรรม และให้ความสำคัญต่อการทำงานของคณะทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอ็นจีโอ มูลนิธิ หรือองค์กร ขอให้ช่วยกันนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาขับเคลื่อนแก้ไขให้ดีขึ้น รัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ส่วนการดูแลแรงงานขอให้มองสองทาง ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างประเทศ ขอให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด