“ประยุทธ์” เตรียมนำคณะลงพื้นที่สมุทรสาคร - เพชรบุรี พรุ่งนี้ เตรียมผลักดันเป็นศูนย์กลางอาหารทะเลภูมิภาค พร้อมเร่งติดตามการแก้ไขปัญหาประมง แรงงาน สิ่งแวดล้อม ชูศักยภาพด้านการท่องเที่ยว
วันนี้ (4 มี.ค.) พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และ เพชรบุรี ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ 5 - 6 มี.ค. นี้ ว่า เป็นการมุ่งเน้นติดตามงานและพบปะประชาชนในพื้นที่ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ที่ประกอบด้วย จ.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์
“พื้นที่นี้มีต้นทุนทางการเกษตรและสัตว์น้ำที่มีคุณภาพ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ รัฐบาลจึงจะส่งเสริมศักยภาพหลักเพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารทะเล (Hub of Seafood) โดยเฉพาะ จ.สมุทรสาคร นั้น เป็นแหล่งการค้าและกระจายสินค้าอาหารทะเลและประมงทั้งในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสร้างมูลค่าได้เป็นจำนวนมาก”
นอกจากนี้ จะได้ติดตามการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เช่น การติดตั้งระบบระบุตำแหน่งเรือประมงไทย (VMS) การควบคุมการแจ้งเข้า - ออกของเรือประมง ระบบฐานข้อมูลการสแกนม่านตาและการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำว่าขอให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวไปจัดทำทะเบียนประวัติที่ศูนย์ OSS ทั้ง 78 แห่งทั่วประเทศภายในวันที่ 31 มี.ค. นี้
สำหรับการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย นายกรัฐมนตรีจะเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่การจัดที่ดินทำกิน ป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก - เขาปุ้ม จ.เพชรบุรี เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลต้องการสร้างโอกาสให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียม ลดอุปสรรคในการทำมาหากิน และข้อพิพาทระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่รัฐ
“นายกฯ ระบุว่า ในแต่ละพื้นที่จะมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ซึ่งทุกครั้งที่เดินทางไปรัฐบาลจะพยายามดึงจุดแข็งขึ้นมาต่อยอดพัฒนาให้ดีขึ้น เช่นครั้งนี้จะส่งเสริมเรื่องการผลิตและส่งออกอาหารทะเล การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ เช่น อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) เป็นต้น รวมทั้งจะต้องรับฟังปัญหา หรือจุดอ่อนจากคนในพื้นที่เพื่อแก้ไขให้ดีขึ้น เช่น ปัญหาน้ำเน่าเสีย การบริหารจัดการแม่น้ำเพชรบุรี และปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ฯลฯ”