รองโฆษก ปชป. เรียกร้องกระทรวง พม. ตรวจสอบการใช้เงินกองทุนส่งเสริมอาชีพผู้พิการ พร้อมเสนอให้แก้ระเบียบเพิ่มเติมเพื่อผู้พิการเข้าถึงการกู้ได้จริงตามสิทธิ
วันนี้ (4 มี.ค.) นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากได้ส่งหนังสือเสนอ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง การเสนอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกู้เงินให้คนพิการเข้าถึงได้กู้กองทุนของเขาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนทั่วถึง และเป็นธรรม
นางมัลลิกา กล่าวว่า เงื่อนไขเดิมนั้นได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้พิการ ว่า เข้าไม่ถึงการกู้เพราะต้องมีการนำข้าราชการ หรือสิ่งค้ำประกันเกินตัวของเขาที่จะมีศักยภาพหามาได้ จึงทำให้เสียสิทธิ์การกู้เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ซึ่งผู้พิการก็ต้องการดูแลตัวเองให้ได้เช่นเดียวกันกับบุคคลปกติ และเมื่อมีกฎหมายและระเบียบตามสิทธิ์ของเขาจึงอยากให้แก้ไขเพื่อให้เข้าถึงได้ใช้อย่างแท้จริง โดยสิ่งที่มูลนิธิมัลลิกาฯ เสนอแก้ไข คือ หลักเกณฑ์การกู้ขอให้นำสิทธิ์ของผู้พิการและสวัสดิการรายเดือนที่เขาได้รับจากรัฐมาเป็นสิ่งค้ำประกันการกู้ได้แทนการหาข้าราชการหรือคนมาค้ำประกัน และแทนการหาบ้านที่ดินอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ มาค้ำประกัน จะทำให้เขาได้สิทธิ์นั้นทั่วถึงกัน เพราะต้องยอมรับว่าผู้พิการย่อมมีศักยภาพด้อยกว่าบุคคลปกติที่จะไปหาผู้คน สิ่งค้ำประกันเหล่านั้นมาได้
นางมัลลิกา กล่าวว่า ภารกิจกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 มาตรา 23 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสํานักงาน เรียกว่า “กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” เพื่อเป็นทุนสําหรับการใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครองและพัฒนาสมรรถภาพคนพิการ การศึกษา และการประกอบอาชีพของคนพิการ รวมทั้งการส่งเสริมและการสนับสนุนการดําเนินงานของ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ โดยให้จัดสรรให้อย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
การให้บริการกู้ยืมเงิน เป็นการบริการคนพิการ และผู้ดูแลคนพิการ เพื่อเป็นทุนประกอบอาชีพหรือขยายกิจการ รายบุคคลรายละไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนรายกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย ทั้งนี้ หากมีผู้ประสงค์จะกู้ยืมเงินเกินกว่าวงเงินที่กำหนด ให้มีการพิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยไม่เกิน 120,000 บาท
“สิ่งที่รัฐบาลจะต้องปรับปรุงติดตาม คือ 1. ให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ได้กู้ว่าตรงตามวัตถุประสงค์ของระเบียบหรือไม่ มีการสวมสิทธิผู้พิการหร่อไม่ 2. ให้แก้ไขระเบียบตามที่เสนอเพื่อให้ผู้พิการตัวจริงได้เข้าถึงและได้กู้ไปประกอบอาชีพได้จริง 3. กระทรวงควรพัฒนาปรับปรุงระเบียบอยู่สม่ำเสมอเพื่อให้ทันยุคสมัยและสามารถรองรับวิกฤติอาชีพผู้พิการจากโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่สามารถจัดสรรให้กลุ่มผู้พิการอย่างทั่วถึงทำให้ขาดอาชีพรองรับจำนวนมาก และ 4. ขอให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินกองทุนนี้เพื่อการขยายโอกาสให้กับผู้พิการ ข่อมูลทั้งหมดนี้ภายใต้กฎระเบียบที่ข้าราชการจะต้องสนองภารกิจให้ตรงตามพันธกิจอย่างแท้จริงและโปรดสังเกตชื่อกรม ชื่อกระทรวงด้วยว่าท่านทำงานได้ตามเป้าประสงค์การจัดตั้งกระทรวงหรือไม่” นางมัลลิกา กล่าว