“นายกฯ” มอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศด้านบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ยัน “4.0-อีอีซี” ไม่ใช่ฝันใหญ่เกินตัว ย้ำวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เดินถูกทาง ต้องสร้างสิ่งใหม่ เพราะบุญเก่าใกล้หมดแล้ว พร้อมขอทุกคนร่วมรักษาศักยภาพประเทศ เพื่อให้เดินสู่การเลือกตั้งได้ ลั่นไม่ต้องการยืดเวลาออกไปอีก
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังใจหน่วยงานที่ยังไม่ได้รับรางวัล และอยากให้ทุกหน่วยงานเร่งพัฒนาตัวเองด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลต้องการปฏิรูประบบราชการ โดยหน่วยงานราชการต้องระมัดระวังในเรื่องของความรับผิดทางละเมิด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เราพยายามสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างรัฐ ข้าราชการ และประชาชน วันนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดียในหลายด้าน ซึ่งเราพยายามสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้อง โดยต้องมีความโปร่งใสเช่นเดียวกันกับการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐซึ่งต้องทำตามระบบ วันนี้มีการพัฒนาในระบบการเงินการคลังไปมาก เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่หรือ ครม.สัญจรครั้งที่ผ่านมาที่จังหวัดจันทบุรี ได้พบปะกับผู้นำท้องถิ่น และอดีตนักการเมือง โดยหลายคนเป็นห่วงเรื่องงบประมาณในพื้นที่ซึ่งเห็นว่าลงไม่ได้ และลงไม่ครบ ส่วนตัวไม่อยากโต้แย้งกับใคร เพราะคิดว่าแผนงานโครงการของรัฐบาลลงไปยังพื้นที่อย่างทั่วถึงทุกจังหวัด ไม่ใช่แค่ลงเพียงจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำเชื่อมโยงระบบสาธารณูปโภค เพิ่มการค้าและการลงทุนให้เกิดขึ้น
“หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่เราเดินหน้าไปสู่ 4.0 หรือการทำโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) นั้นเป็นเพียงแค่การสร้างความฝันที่ใหญ่เกินไป ผมว่าถ้าคิดแบบนี้ประเทศก็จะอยู่อย่างนี้ เพราะทุกประเทศเขาก็ทำเช่นนี้ โดยมีวิสัยทัศน์คาดการณ์ว่าข้างหน้าประเทศจะเดินไปอย่างไร เช่น เราตั้งเป้าว่าอีก 20 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นั่นคือความฝันซึ่งทุกคนฝันได้ รัฐบาลต้องสร้างความฝันอันยิ่งใหญ่นี้ เพื่อให้ทุกคนได้ทำร่วมกันให้เป็นไปตามที่ฝันไว้ วันนี้เราอาจจะฝันโน่น ฝันนี่ แต่ตื่นเช้าขึ้นมาจะต้องรู้ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง ให้ทั้งหมดเกิดขึ้นได้โดยทุกคนต้องช่วยกันทำและประชาชนจะต้องเข้าใจด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ถ้าไม่มีใครเข้ามาลงทุน ประเทศก็ไปไม่ได้ เวลาที่ตนเดินทางไปต่างประเทศก็พยายามอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าบ้านเรามีศักยภาพอย่างไรบ้าง ตราบใดที่ยังมีการพูดจาให้ร้ายกัน การค้าการลงทุนก็อาจหายลงไปทันที ศักยภาพของประเทศไทยก็จะลดลง ประเทศก็จะโดดเดี่ยว ไม่ว่าเราจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องรักษาศักยภาพของประเทศไว้ให้ได้ ยืนยันว่าตนไม่ได้ต้องการจะยืดเวลาการเลือกตั้งออกไปอีก เพราะประเทศจะต้องเดินหน้าต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า องค์กรของรัฐทุกองค์กรจะต้องไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องของประเทศ การทำงานจะต้องมีการควบคุม มีระบบการตรวจสอบ เกิดปัญหาอะไรข้างล่างต้องคุยกันให้จบ หากแก้ไม่ได้ค่อยส่งขึ้นมาระดับรัฐบาล ตนไม่ต้องการในสิ่งเสียหาย ไม่ใช่เพื่อเอื้อประโยชน์นายทุน ตนไม่จำเป็นต้องได้ประโยชน์จากใคร แต่ต้องการให้ประโยชน์ไปเกิดกับทุกฝ่าย สู่แผ่นดิน การบริหารงบประมาณจะต้องมีการตรวจสอบ เมื่อมีโครงการและอนุมัติเม็ดเงินไปแล้ว หากผิดตรงไหนต้องตรวจสอบตรงนั้น และตรวจสอบในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้นกลายเป็นว่าข้างล่างระดับท้องถิ่นผิด นายกฯ ผิดด้วย ตนไม่เข้าใจแบบนี้ เพราะนายกฯไม่เคยสั่งว่าจะต้องไปทุจริต มันอยู่ที่กลไกการทำงานข้างล่าง หากผิดพลาดต้องไล่บี้กันให้ได้ ไม่อยากให้เกิดปัญหาเหล่านี้ จะผิดจะถูกขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม
“ผมเองมีหลายเรื่องที่หลายคนอาจมองว่าผมทำผิดหรือถูก เกี่ยวกับการปฏิบัติ พ.ร.บ.ละเมิด ซึ่งวันนี้ก็มีรางวัลมิติด้านความรับผิดชอบทางละเมิด ป้องกันการละเมิด มีกฎหมายที่สำคัญทุกตัว สำคัญจะใช้กันหรือเปล่า แต่รัฐบาลนี้ใช้ทุกตัว เพราะต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ ฉะนั้นขอร้องสื่ออย่าขยายความขัดแย้งเหล่านี้ออกไปอีกเลย กฎหมายคือกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เราก็เคารพในสื่อทุกคน แต่สื่อบอกว่าต้องมีอิสระในการนำเสนอข่าว และถ้าเกิดความเสียหายใครจะรับผิดชอบ ไม่มีเลยหรือ แต่พอรัฐผิดนิดหนึ่งต้องรับผิดชอบ แล้วมันต่างกันตรงไหน แค่ขอให้ระมัดระวังเท่านั้น ผมไม่อาจไปก้าวล่วงท่านอยู่แล้ว อย่าให้มันปั่นป่วนเกินไปแล้วกัน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เชื่อว่าข้าราชการทุกคนตั้งมั่นทำความดี ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังแค่ไหน ตนเพียงแค่ว่ามีกฎหมายไหนก็ทำสิ่งนั้นให้ดี อะไรที่ไม่พร้อมก็เพิ่มเติมให้ จะได้ปลอดภัยในการทำงาน แต่ต้องทำงานได้อย่าเอากฎหมายมาสู้กัน จนทำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วจะอยู่กันอย่างไรในศตวรรษที่ 21 จะมีอาชีพรองรับหรือไม่ ซึ่งวันนี้เรากินบุญเก่ามาตลอด 20 ปีมาแล้ว หากไม่ทำอะไรใหม่ 20 ปีข้างหน้า บุญเก่าหรือการลงทุนเดิมๆ ก็จะหมดไป คุณค่าความสำคัญ ประสิทธิภาพของสินค้าที่ดีจะหมดไป เราจะไม่ปลูกต้นไม้ใหม่ จะเกิดแต่มะม่วงต้นเดิมอยู่อย่างนั้นหรือ ก็ต้องปลูกต้นไม้ใหม่ ออกผลให้ลูกหลานกินในอนาคต และต้องสร้างต้นไม้ให้แข็งแรง ที่เป็นต้นไม้ของพ่อ นี่คือความฝันของตน พวกท่านคือคนปฏิบัติ รางวัลที่ได้แม้ราคาไม่มากแต่มีคุณค่าทางจิตใจ
นายกฯ กล่าวว่า ตอนเป็นนายทหารเด็กๆ ได้รางวัลก็ภูมิใจ นั่นคือสิ่งที่จะชักจูงให้เราดีขึ้น ถ้าไม่ได้รางวัลเลย ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ทำงานไปวันๆ รูทีนก็อยู่ได้ จับพลัดจับผลูโตขึ้น ถ้าคิดอย่างนี้เขาเรียกว่าฝันร้าย ฝันไม่ดี อย่าไปคิดแบบนั้น ความฝันต้องไม่ขัดแย้งกับใคร ต้องรักกันมากๆ ในองค์กร ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซื่อสัตย์สุจริต สร้างวัฒนธรรมในองค์กรที่มีจริยธรรมใสสะอาด มีประสิทธิภาพ และความภาคภูมิใจอย่างเต็มที่ ต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานให้ได้ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ขอให้ทำงานเชิงรุก ริเริ่ม รวดเร็ว รอบคอบ ให้คนเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาต่อหน่วยงานรัฐ