รองนายกฯ ประชุมหามาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ คาดว่าจะเริ่มช่วงปี 64 พร้อมยึดหลักคุณภาพชีวิต 5 ด้าน เล็งหาแรงจูงใจดึงเอกชนมาร่วมด้วย
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพ แนวทางการขับเคลื่อนโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ โดยกำหนดให้ผู้บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป มีสิทธิได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติ และให้เพิ่มช่องทางการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์รณรงค์เชิญชวนให้มีผู้มาบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้กำหนดมาตรการรองรับผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คาดว่าในปี 2564 จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมีสัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด และในปี 2574 จะมีสัดส่วนร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้สูงอายุอยู่ประมาณ 11 ล้านคน ทั้งนี้สำหรับมาตรการรองรับผู้สูงอายุดังกล่าว จะยึดหลักคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ 5 ด้าน คือสุขภาพกาย สุขภาพจิต, ครอบครัวมีสุข, สังคมเอื้ออาทร, สิ่งแวดล้อมเหมาะสมปลอดภัย, หลักประกันมั่นคง
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และมองเป็นระบบ ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ดังนั้น ภาครัฐ เอกชน ประชาชน ต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ได้หารือถึงมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุด้วย เช่น ลดต้นทุนและปัจจัยการผลิตในช่วงแรก การให้กู้ยืมเงินด้วยดอกเบี้ยต่ำ การลดหย่อนค่าสาธารณูปโภค ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้จะต้องหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งหารือมาตรการ รองรับอื่นๆ เช่น ด้านมาตรฐานสถานดูแลผู้สูงอายุ มาตรฐานผู้ดูแลผู้สูงอายุ บางงานก็มีการดำเนินการไปแล้ว และมีการมอบงานให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการด้วย
