สบส. ย้ำ “เนอร์สซิงโฮม” ดูแลผู้สูงอายุ ต้องขึ้นทะเบียนสถานพยาบาลหากให้บริการทางการแพทย์ร่วมด้วย ทั้งให้น้ำเกลือ ฉีดยา ชี้ ผิดกฎหมายเข้าข่ายสถานพยาบาลเถื่อน หมอเถื่อน มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร โฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว โดยมาจากปัจจัยสำคัญ คือ 1. การเกิดน้อยลง 2. คนไทยยืนยาวขึ้น โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2568 อายุคาดเฉลี่ยของเพศชายจะอยู่ที่ประมาณ 76 ปี และเพศหญิงประมาณ 83 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นการก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ทำให้ธุรกิจบริการสำหรับผู้สูงอายุขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสถานดูแลผู้สูงอายุ (เนอร์สซิงโฮม) ที่ให้บริการดูแลการใช้ชีวิตประจำวัน การจัดกิจกรรมสร้างสังคมระหว่างผู้สูงอายุ ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มักจะเป็นโรคเรื้อรัง อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ฯลฯ และบางแห่งอาจจะมีการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย
“ตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 กำหนดให้การประกอบวิชาชีพเวชกรรมใดๆ ทางการแพทย์ต้องดำเนินการในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตร หรือหนังสืออนุมัติจากสภาวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเปิดทำการ สบส. จึงขอเน้นย้ำว่า หากสถานบริการสำหรับผู้สูงอายุแห่งใดต้องการจัดให้มีบริการด้านการแพทย์ ทั้งการให้น้ำเกลือ ฉีดยา หรือทำหัตถการทางการแพทย์ ต้องขออนุญาตเปิดเป็นสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ มิเช่นนั้น ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล ข้อหาเปิดสถานพยาบาลเถื่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งหากผู้ให้บริการมิใช่แพทย์ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ข้อหาเป็นหมอเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นพ.ธงชัย กล่าว
ทั้งนี้ กรม สบส. อยู่ระหว่างการพัฒนากฎหมายลูก ซึ่งออกตาม พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 เพื่อส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุ ซึ่งมีการให้บริการด้านสุขภาพ ที่ไม่ใช่การบำบัดรักษาโรค หรือบริการทางการแพทย์ เพื่อให้การบริการดังกล่าวมาตรฐาน และเกิดความปลอดภัยต่อประชาชนผู้รับบริการ