กรมการแพทย์เตรียมเปิด “สถานดูแลผู้สูงอายุ” แบบเช้าไปเย็นกลับ ภายในปี 2560 รับดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน ชนชั้นกลาง ก่อนถอดบทเรียนจัดทำเป็นแนวทางมาตรฐานสถานดูแลผู้สูงอายุระดับประเทศ ให้เอกชนนำไปเป็นแบบ หากทำได้ออกใบรับรองการันตีทันที
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านราว 2% ของจำนวนประชากรผู้สูงอายุทั้งประเทศ ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุติดบ้านจะมีอาการป่วยบ้าง แต่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และในช่วงกลางวันมักต้องอยู่คนเดียว ไม่มีคนดูแล เนื่องจากลูกหลานออกไปทำงาน แต่ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ไม่ต้องการที่จะไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมที่จะจัดตั้งสถานดูแลผู้สูงอายุในเวลากลางวัน (Day Care) โดยใช้พื้นที่บริเวณอาคารของกรมภายในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อเป็นสถานที่ต้นแบบในการดูแลผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านดังกล่าว โดยจะเป็นลักษณะการดูแลแบบเช้าไปเย็นกลับ ลูกหลานสามารถมาส่งในตอนเช้าและมารับกลับในตอนเย็นเหมือนกับสถานดูแลเด็กเล็ก
นพ.ธีรพล กล่าวว่า สถานดูแลผู้สูงอายุดังกล่าวจะมีบุคลากรของกรมฯ ดูแล ทั้งการให้นำทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน หากเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพก็จะช่วยเหลือดูแลแก้ไขให้ เช่น ผู้ที่เดินไม่ได้ก็จะช่วยกายภาพบำบัด ดูแลสุขภาพจิตใจไม่ให้เศร้าหมอง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของสถานดูแลผู้สูงอายุต้นแบบดังกล่าว จะเป็นผู้สูงอายุที่ติดบ้าน ซึ่งเวลากลางวันต้องอยู่บ้านคนเดียว และเป็นชนชั้นกลางที่ลูกหลานมีกำลังทรัพย์พอที่จะจ่ายค่าดูแล เพราะจะมีการเก็บเป็นรายเดือน ส่วนกลุ่มที่ร่ำรวยมีกำลังทรัพย์มากก็จะไม่รับเข้าดูแลในสถานดูแลนี้ เนื่องจากมีกำลังในการจัดหาผู้ดูแลส่วนตัว เบื้องต้นคาดว่าจะรองรับได้ไม่เกิน 50 คน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ และจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี เพื่อถอดบทเรียนและจัดทำเป็นมาตรฐานประเทศในเรื่องสถานดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งภาคเอกชนสามารถนำไปดำเนินการต่อได้ โดยในแนวทางมาตรฐานจะมีการระบุถึงส่วนประกอบที่จะต้องมีภายในสถานดูแลผู้สูงอายุ และข้อควรระมัดระวังต่างๆ โดยหากทำได้ตามมาตรฐานที่กรมกำหนด ก็จะออกเป็นเอกสารรับรองมาตรฐานให้สถานดูแลผู้สูงอายุนั้นๆ เพื่อเป็นการการันตีให้กับประชาชน
“นอกจากนี้ กรมฯ ยังเตรียมที่จะจัดหลักสูตรอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อให้บุคคลทั่วไปที่สนใจเข้ารับการอบรม เพื่อที่จะเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีการรับรองการผ่านการอบรม โดยจะมีการอบรมการดูแลทั้งในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อในผู้สูงอายุ และการป้องกันการสำลักอาหาร เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมก็จะมีใบการันตีจากกรมการแพทย์ด้วย” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว