“บิ๊กป้อม” สั่งเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยปีใหม่ ป้องกันเหตุร้าย-ก่อวินาศกรรม เน้นจุดเสี่ยง พื้นที่เชิงสัญลักษณ์ ย้ำข่าวกรองทำงานเชิงรุก สั่ง ตร.ติดตามข่าวบิดเบือน ระวังการเข้าออกบุคคลต้องห้าม ชง รบ.ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นวาระแห่งชาติ ยันเมาแล้วขับจับยึดรถยังคงบังคับใช้ พร้อมตรวจระดับแอลกอฮอล์คนขับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
วันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรัฝ่ายความมั่นและ รมว.กห. เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมกำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชนและมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ห้วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
จากนั้น พล.ท.คงชีพ ตันตระวานิช โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผชการประชุมว่า การประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ 2561 โดยในที่ประชุมได้ตระหนักถึงปัญหาการเสียชีวิตบนท้องถนนโดยสถิติของปี 2559 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 22,000 คน เฉลี่ย 50-60 ราย/วัน มีเข้าโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุกว่าล้านคนเศษ และพิการ 60,000 คน
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเราสูญเสียประชาชนจากอุบัติเหตุบนท้องถนนกว่า 2 แสนล้านคน ดังนั้นเราให้ความสำคัญกับปัญหาในเรื่องของอุบัติเหตุ โดยเฉพาะความเสี่ยงอยู่ในช่วงตอนกลางคืน และสาเหตุหลักเกิดจากความคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร ขาดสติ ดื่มสุรา หลับใน ประมาทเลินเล่อ ทั้งนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการ 4 ข้อห้าม คือ 1. ห้ามเมา ห้ามง่วง ห้ามขับรถเร็ว ห้ามโทรศัพท์ และ 2. ต้อง คือ ต้องสวมหมวกนิรภัย ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับมาตรการห้ามนั่งท้ายรถกระบะนั้นให้รอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมยืนยันว่ามาตรการดื่มแล้วขับจับยึดรถยังคงบังคับใช้
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ในขณะเดียวกันหน่วยงานความมั่นคง ต้องเตรียมความพร้อมในการดูแลความมั่นคง ในช่วงเทศกาล ซึ่งโอกาสก่อเหตุรุนแรงยังมีอยู่ ฉะนั้นจึงต้องเฝ้าระวังและมีมาตรการในการป้องปรามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทุกส่วนราชการได้เตรียมความพร้อมและเตรียมมาตรการรองรับในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยดำเนินการควบคู่กันไปทั้ง 4 ส่วน คือ ภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้กำชับสั่งการให้นำข้อมูลทางสถิติจากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่เกิดปัญหาบ่อยๆ มาบริหารจัดการข้อมูล พร้อมกำหนดมาตรการป้องกันป้องปรามอาชญากรรม การป้องกันเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ มาตรการการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกในการจราจรบนท้องถนน และประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนควบคู่กันไป
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ในที่ประชุมเห็นชอบว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจวัดแอลกอฮอล์ทุกคน และเน้นย้ำให้ข้าราชการทำตัวเป็นตัวอย่างเพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นด้วย นอกจากนี้จะเสนอรัฐบาลในการยกระดับรักษาความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องคงความต่อเนื่องในระยะยาวและมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีการวัดผลที่ต่อเนื่องพร้อมให้รายงานผลทุก 3 เดือนเพื่อให้ลดสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้ พร้อมทั้งให้กรมการขนส่งทหารบกจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้ที่ถ่ายคลิปและนำไปสู่การจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎหมาย
พล.ท.คงชีพกล่าวต่อว่า ในส่วนของหน่วยข่าวกรอง ให้เพิ่มความเข้มข้นในเรื่องงานด้านการข่าว และดำเนินงานด้านการข่าวในเชิงรุก หรือข่าวที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง หรือข่าวที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นส่วนใหญ่ และการเคลื่อนย้ายสิ่งผิดกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่ ให้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการความปลอดภัย และการตื่นตัวของเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระมัดระวังการก่อวินาศกรรม จุดเสี่ยงคมนาคมที่สำคัญ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟฟ้าสถานีรถไฟ สนามบิน ท่าน้ำ ท่าเรือ แหล่งชุมชน รวมทั้งพื้นที่ล่อแหลมในเชิงสัญลักษณ์เนื่องจากในสถานการณ์โลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า พื้นที่ที่มีประชาชนจำนวนมากให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการขึ้นมาบูรณาการการทำงานกับทุกฝ่าย จัดทำแผนเผชิญเหตุและให้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและไฟส่องสว่างให้สามารถใช้งานและเชื่อมโยงกันได้ สำหรับกระทรวงคมนาคมกำชับ ให้ตรวจสอบปรับปรุงซ่อมแซมถนน จุดแยก จุดตัดของคมนาคม ทางรถไฟ การขนส่งทางบก ทางน้ำ ให้มีความปลอดภัยในการสัญจรและขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกให้หยุดประกอบกิจการหรือหลีกเลี่ยงการใช้รถบรรทุกในช่วงสิ้นปีเพื่อบรรเทาปัญหาจราจรและลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น และขอให้มีการปรับปรุงทัศนวิสัยผิวจราจร และแสงสว่างในจุดที่มีความเสี่ยง
พล.ท.คงชีพกล่าวอีกว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้รักษาความปลอดภัยกับประชาชนในชีวิตและทรัพย์สินและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งให้ความสำคัญในการป้องกันทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น ทั้งปัญหาอาชญากรรม และการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ให้ตำรวจทางหลวงอำนวยความสะดวกการจราจรและแผนปฏิบัติบนท้องถนนทุกเส้นทาง โดยบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประสานเป็นจุดพักรถระหว่างทางและให้ตำรวจทุกระดับอยู่ในที่ตั้งในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และพร้อมปฏิบัติภารกิจที่รับผิดชอบเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้ตำรวจติดตามข่าวสารที่กระทบต่อความมั่นคงและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการตอบปัญหา รวมทำให้ติดตามการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนใน Social Media
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า นอกจากนี้ให้ดำเนินการเข้มงวดในการคัดกรองการการเข้าออกในราชอาณาจักรของบุคคลต้องห้ามและดูเส้นทางการขนย้ายของสิ่งของผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเส้นทางการเคลื่อนย้ายยาเสพติด ที่อาจจะมีการเคลื่อนย้ายในช่วงหยุดยาวตามแหล่งพักพิงหรือแหล่งที่มาจากนอกประเทศ และให้ตำรวจสร้างการรับรู้ความเข้าใจควบคู่กับใครในการบังคับใช้กฎหมาย
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ส่วนกระทรวงมหาดไทยให้เพ่งเล็งไปที่ 100 อำเภอเสี่ยง และจัดตั้งด่านชุมชนในระดับหมู่บ้านตำบลขึ้นมาเพื่อดูแลความปลอดภัย ด่านตรวจท้องถิ่น เครื่องมือสำหรับการช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุโดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างทันท่วงที
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า สำหรับส่วนราชการต่างๆโดยเฉพาะทหารให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นเข้าตรวจพื้นที่ชายแดนโดยประสานกับตำรวจในการดูแลการลักลอบการค้าสิ่งของผิดกฎหมายยาเสพติดตามแนวชายแดนเข้ามา และจัดตั้งกองบัญชาการติดตามสถานการณ์
พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกภาคส่วนให้ความสำคัญต่อมาตรการต่างๆ ในการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนและการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนทำงานร่วมกันในวันหยุดในทุกพื้นที่ เพื่อให้สถานการณ์ภายในประเทศเกิดความมั่นคงปลอดภัยให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เชื่อว่าทุกครอบครัวไม่ต้องการสูญเสียสมาชิกก่อนเวลาอันควรจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลจึงขอความร่วมมือ