xs
xsm
sm
md
lg

แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน เหตุผลฮาท้ายปีกระชากเรตติ้ง “ป้อม”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

ก็ได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องจริงเป็นเพียงการพูดเล่นๆ ไปเรื่อย สำหรับเหตุผลในหนังสือชี้แจงทรัพย์สินส่วนตัวเพิ่มเติมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ยื่นไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ตามข่าวบอกว่าจะส่งไปถึงในวันอังคารที่ 12 ธันวาคม

ตามข่าวก่อนหน้านี้ ทรัพย์สินส่วนตัวที่ว่านั้นคือ นาฬิกาหรูยี่ห้อริชาร์มิลล์ และ แหวนเพชร ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สวมใส่ระหว่างการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุด “ประยุทธ์ 5” ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา จนเกิดข้อสงสัยตามมาและแม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะพยายามชี้แจงแล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่เคยมีอยู่เดิม เคยสวมใส่มาแล้ว อย่างไรก็ดี ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ตามมามากขึ้น เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับ ป.ป.ช.

อย่างไรก็ดี ล่าสุด ก็มีข่าวรายงานมาอีกว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เตรียมชี้แจงบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในวันที่ 12 ธันวาคม โดยมีคอลัมน์หมัดเหล็กในไทยรัฐออนไลน์ ได้นำข้อมูลมาเขียนในทำนองแหวนเพชรดังกล่าวเป็นแหวนของแม่ที่ตกทอดมาจากพ่อและแม่ให้ยืมมาใส่ในวันพิเศษ ส่วนนาฬิกาหรูนั้นก็ว่าเป็น “ของเพื่อนนักธุรกิจ” คนหนึ่งให้ยืมมาใส่

สรุปก็คือหากอ้างอิงตามรายงานข่าวที่ว่า ก็คือ ทั้งแหวนเพชร และนาฬิกาหรูดังกล่าวไม่ใช่สมบัติของตัวเอง เป็นของแม่และของเพื่อนให้ยืมมาใส่แอ็ก หรือใส่มาถ่ายรูปโชว์เท่านั้น

นาทีนี้ก็ได้แต่หวังว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำไปอ้างกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แม้ว่าด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เหมือนกับว่าเป็นการ “ตัดบท” ฉับเอาดื้อๆ แบบความหมายที่ว่า ทั้งแหวนและนาฬิกาดังกล่าวไม่ใช่ของตัวเอง ยืมเขามาใส่ ดังนั้น เมื่อไม่ใช่สมบัติของตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งเป็นทรัพย์สิน จบ

ขณะเดียวกัน ที่บอกว่า หวังว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คงไม่ใช่เหตุผลดังกล่าวข้างต้นในการอ้างกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะนอกจาก “ตลก” แล้วยังเชื่อว่าทำให้ชาวบ้านจะหัวร่อเอาได้ เพราะหากเป็นพวกเด็กๆ วัยรุ่นหรือระดับหนุ่มสาวอายุสักไม่เกินสามสิบปีก็อาจใช้ข้ออ้างแบบนั้นได้สมเหตุสมผลกว่า แต่หากเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นถึงระดับ “พี่ใหญ่” ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระดับนี้ยังต้องยืมแหวนเพชรแม่ใส่ ยืมนาฬิกาเพื่อนใส่ ก็ลองถามใจตัวเองดูเอาก็แล้วกันว่ามันน่าเชื่อถือหรือตลกแค่ไหน

หากรายงานที่ว่าเป็นจริงอีกมุมหนึ่งก็เท่านั้นกับว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเป็นคน “หลักลอย” ยากจนอยู่มาก อีกทั้งจะเป็นการสวนทางกับบัญชีรายการทรัพย์สินที่แจ้งไว้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 2557 ที่มีทรัพย์สินกว่า 87 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยอ้างว่าแหวนเพชรดังกล่าวน้ำหนักแค่หนึ่งกะรัต มันก็น่าจะสามารถซื้อเป็นสมบัติส่วนตัวได้ อีกทั้งด้วยวัยปูนนี้แล้วการอ้างเหตุผลที่ว่า “ยืมแม่ยืมเพื่อนมาใส่” โชว์มันเป็นเรื่องที่ใครพอได้ยินแล้วคงทะแม่งหูและตลกพิกล

อย่างไรก็ดี ยังไม่รู้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงจะใช้เหตุผลชี้แจงแบบนี้จริงหรือไม่ ยังเป็นเพียงรายงานข่าวออกมาเท่านั้น แต่ก็อย่างว่าแหละถ้ามาแบบนี้เรื่องมันก็ยังไม่จบง่ายๆอีก โดยเฉพาะประเด็นคำถามตามมาว่าแล้ว “เพื่อนนักธุรกิจที่ให้ยืมนาฬิกามาให้ใส่นั้นเป็นใครชื่อไร” ทำธุรกิจอะไร เรื่องราวก็น่าเชื่อว่ายังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะทางฝ่ายพรรคการเมืองต่างก็พยายามขยายผลอย่างเต็มที่

น่าสนใจก็คือกรณีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถือว่ามีต้นเหตุมาากปัญหา “สีเทา” ถูกมองด้วยความระแวงสงสัยจากสังคมอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบทางด้าน “ภาพลักษณ์ที่เป็นลบ” ทั้งส่วนตัวและส่งผลกระทบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตรง จนระยะหลังกลายเป็น “ตัวถ่วง” สมบูรณ์แบบไปแล้วและผลจากความรู้สึกดังกล่าวกำลังจะกลายเป็นว่า “ทำอะไรก็ผิด” ทุกเรื่องอื้อฉาวกำลังจะพุ่งมาที่ตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามทำตัวเงียบกว่าเดิม ไม่ค่อยเปิดปากให้สัมภาษณ์ก็ตาม แต่ในช่วงขาลงก็ย่อมมีเรื่องให้วิจารณ์จับผิดได้ตลอดเวลา

ดังนั้น กรณีแหวนเพชรและนาฬิกาหรูราคาแพงที่มีมูลค่าเกิน 2 แสนบาทที่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นี่ก็เช่นเดียวกัน หากมีการชี้แจงเหตุผลแบบที่เป็นข่าวนั่นจริง ก็คงสนุก เพราะมันจะกระชากเรตติ้งในทางลบเพิ่มเติมไปอีก อีกทั้งยังเกิดผลสะเทือนไปถึงองค์กรตรวจสอบอย่าง ป.ป.ช. ที่ก่อนหน้านี้ถูกวิจารณ์ว่าตัวผู้นำองค์กรเป็นคนในเครือข่ายอีกด้วย !!
กำลังโหลดความคิดเห็น