ผู้จัดการรายวัน360- คาดหนังสือชี้แจงเรื่อง "แหวน-นาฬิกาหรู" ของ"บิ๊กป้อม" จะถึงมือป.ป.ช. อังคารนี้ จับตาจะระบุ เป็นแหวนของแม่ นาฬิกาของเพื่อน ที่ให้ยืมใส่ ตามที่มีคอลัมนิสต์ปูดออกมาหรือไม่
จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใส่นาฬิกาแบรนด์เนม ยี่ห้อ ริชาร์ด มิลล์ รวมทั้งใส่แหวนเพชรเป็นเครื่องประดับ ขณะร่วมถ่ายภาพกับคณะรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเครื่องประดับดังกล่าว ไม่มีรายการอยู่ในบัญชี ทรัพย์สินที่ได้ยื่นไว้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไร และ จบแล้ว ตนต้องชี้แจงกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว โดยอาจจะทำหนังสือชี้แจงรายละเอียด และข้อเท็จจริงไปยังป.ป.ช. ภายในเวลาที่กำหนด
แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.เพื่อให้ชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว โดยสามารถเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง หรือ จะทำหนังสือชี้แจงส่งไปยัง ป.ป.ช.ก็ได้ ซึ่งทางพล.อ.ประวิตร เลือกที่จะทำหนังสือชี้แจง โดยขณะนี้ หนังสือดังกล่าวยังอยู่ที่ สำนักงานกระทรวงกลาโหม เนื่องจากติดวันหยุดยาว คาดว่าจะถูกส่งให้กับ ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 12 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ คอลัมน์ "หมัดเหล็ก" ในเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ ได้ตีพิมพ์เนื้อหาหัวข้อ วิบากกรรมออนไลน์ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุถึงแหวนเพชร และ นาฬิกาเรือนดังกล่าว ว่า
"ถ้าวันนั้นพล.อ.ประวิตร รู้ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนวันนี้ ก็คงจะไม่ใส่แหวนที่แม่ให้ยืมใส่ในวันนั้นพอดี ซึ่งแหวนวงดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดจากพ่อเอามาใส่เป็นสิริมงคลในวันสำคัญ และในจำนวนพี่น้องสามคน ยังไม่รู้ว่าจะตกเป็นสมบัติของใครด้วยซ้ำหรือแม้แต่ นาฬิกา ที่เพื่อนรัก ซึ่งเป็นนักธุรกิจดังให้หยิบยืมมาชั่วครั้ง ชั่วคราว จะกลายเป็นทุกขลาภ และเป็นเหยื่อของสังคมออนไลน์ จนต้องรีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน"
ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ในเรื่องนี้ว่า แม้จะมีข่าวว่า พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. มีความสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่า มีความสนิทสนมกันจริงหรือไม่ แต่เท่าที่เคยร่วมงานกันมา ไม่มีข้อสงสัยในตัวประธาน ป.ป.ช. เพราะมองว่า เป็นคนดี และมีความยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ทำงานในมาตรฐานเดียวกัน อย่าเลือกปฏิบัติ หรือดำเนินการแค่บางกรณี เพื่อความโปร่งใส จึงจะสามาสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชน ต่อ ป.ป.ช. ได้
จากกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใส่นาฬิกาแบรนด์เนม ยี่ห้อ ริชาร์ด มิลล์ รวมทั้งใส่แหวนเพชรเป็นเครื่องประดับ ขณะร่วมถ่ายภาพกับคณะรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเครื่องประดับดังกล่าว ไม่มีรายการอยู่ในบัญชี ทรัพย์สินที่ได้ยื่นไว้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เรื่องนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไร และ จบแล้ว ตนต้องชี้แจงกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว โดยอาจจะทำหนังสือชี้แจงรายละเอียด และข้อเท็จจริงไปยังป.ป.ช. ภายในเวลาที่กำหนด
แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.เพื่อให้ชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว โดยสามารถเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง หรือ จะทำหนังสือชี้แจงส่งไปยัง ป.ป.ช.ก็ได้ ซึ่งทางพล.อ.ประวิตร เลือกที่จะทำหนังสือชี้แจง โดยขณะนี้ หนังสือดังกล่าวยังอยู่ที่ สำนักงานกระทรวงกลาโหม เนื่องจากติดวันหยุดยาว คาดว่าจะถูกส่งให้กับ ป.ป.ช. ในวันอังคารที่ 12 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ คอลัมน์ "หมัดเหล็ก" ในเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ ได้ตีพิมพ์เนื้อหาหัวข้อ วิบากกรรมออนไลน์ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุถึงแหวนเพชร และ นาฬิกาเรือนดังกล่าว ว่า
"ถ้าวันนั้นพล.อ.ประวิตร รู้ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนวันนี้ ก็คงจะไม่ใส่แหวนที่แม่ให้ยืมใส่ในวันนั้นพอดี ซึ่งแหวนวงดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดจากพ่อเอามาใส่เป็นสิริมงคลในวันสำคัญ และในจำนวนพี่น้องสามคน ยังไม่รู้ว่าจะตกเป็นสมบัติของใครด้วยซ้ำหรือแม้แต่ นาฬิกา ที่เพื่อนรัก ซึ่งเป็นนักธุรกิจดังให้หยิบยืมมาชั่วครั้ง ชั่วคราว จะกลายเป็นทุกขลาภ และเป็นเหยื่อของสังคมออนไลน์ จนต้องรีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน"
ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ในเรื่องนี้ว่า แม้จะมีข่าวว่า พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. มีความสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่า มีความสนิทสนมกันจริงหรือไม่ แต่เท่าที่เคยร่วมงานกันมา ไม่มีข้อสงสัยในตัวประธาน ป.ป.ช. เพราะมองว่า เป็นคนดี และมีความยุติธรรม แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ทำงานในมาตรฐานเดียวกัน อย่าเลือกปฏิบัติ หรือดำเนินการแค่บางกรณี เพื่อความโปร่งใส จึงจะสามาสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชน ต่อ ป.ป.ช. ได้