“ประยุทธ์” เปิดตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมพบปะประชาชนปัตตานี ยกใต้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว วัฒนธรรมเด่น ขออย่านำความต่างสร้างความขัดแย้ง มองปัญหาเกษตร ต้องปลูกให้เหมาะตลาด ผู้ว่าฯ ชี้ สอดคล้องนโยบายรัฐบาลตามโครงการ “เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 11.40 น. ณ บริเวณตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิด “ตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้” พร้อมกล่าวพบปะกับประชาชน โดยมี นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำศาสนา และผู้บริหารส่วนท้องถิ่นให้การต้อนรับ
นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวรายงานว่า จังหวัดปัตตานีมีตลาดการค้าปศุสัตว์ที่เปิดกลางแจ้ง ไม่มีอาคารถาวร เป็นตลาดที่ซื้อขายปศุสัตว์ อาทิ โค แพะ และสัตว์ปีก รวมถึงผลิตผลทางการเกษตร ทำให้สร้างมูลค่า สร้างรายได้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนกลุ่มเกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการต่างๆ ต่อมารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณตามแผนบูรณาการส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ระยะที่ 1 งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2560 และ พ.ศ. 2561 ของจังหวัดปัตตานี และงบประมาณของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 34,476,500 บาท เพื่อก่อสร้างตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างถาวร ส่งผลให้เสริมสร้างความเข้มแข็งกับเศรษฐกิจชุมชน เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลตามโครงการ “เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” พัฒนาเมืองหนองจิกเป็น “เมืองต้นแบบเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน”
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวพบปะกับประชาชนตอนหนึ่ง ว่า พื้นที่ภาคใต้ชายแดนมีภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความโดดเด่นทางวัฒนธรรม ทางสังคม มีประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างงดงาม มีเสน่ห์ที่แตกต่างไปจากที่อื่น รวมไปถึงความแตกต่างทางเชื้อชาติ และศาสนา ซึ่งไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนาไหน ทุกคนล้วนเป็นคนไทย มีสิทธิมีความเท่าเทียมบนแผ่นดินไทย ขออย่าให้นำความแตกต่างเหล่านี้มาสร้างความขัดแย้ง สร้างความไม่สงบ เพราะว่าเป็นแผ่นดินไทยของพวกเราทุกคน และอย่าให้ใครแบ่งแยกประเทศไทยได้ ไม่ว่าจะแตกต่างกันแค่ไหนทุกคนก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ปัญหาความไม่สงบจะสงบได้ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกคนและทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ จะต้องส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของตลาด โดยเฉพาะยางพารา รัฐบาลจะส่งเสริมให้เกิดการใช้ยางพาราให้เกิดประโยชน์ภายในประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ ปัญหาสินค้าเกษตรเป็นปัญหาที่ซับซ้อนมายาวนาน รัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน แต่ต้องการจะช่วยเหลือและให้เกิดการกระจายรายได้อย่างสมดุลตามพื้นที่
ส่วนเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งทางบกและทางน้ำ รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ และลงทุนโครงการสำคัญต่างๆ แต่อาจต้องใช้เวลาในการศึกษาผลกระทบ และผู้มีส่วนได้เสียด้วย
ทางด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนช่วยให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี โดยพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมมุ่งเน้นให้การศึกษาที่แตกต่างกัน สามารถเรียนรู้และแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดทักษะที่จำเป็น รวมถึงนำเทคโนโลยีมาช่วยเรื่องการเรียนรู้ ใช้ในการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม และนำมาใช้ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในแต่ละชุมชน ให้เกิดความเชื่อมโยง สร้างรายได้ต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนต้องเข้มแข็งไปพร้อมกัน ซึ่งรัฐบาลพร้อมทำงานและแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ ประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาล ต่อสู้ไปพร้อมกัน คิดให้ตรงกัน จะได้ทำงานไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเยี่ยมชมตลาดปศุสัตว์ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวกับผู้เลี้ยงสัตว์ ว่า ให้รวมกลุ่มขยายจากผู้เลี้ยงเป็นผู้ผลิต และแปรรูป ขายส่งออกไปยังต่างประเทศ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นพี่เลี้ยงคอยให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาในด้านต่างๆ ต่อไป