“ประยุทธ์” ลงพื้นที่เกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปโรงงานน้ำมันปาล์ม สีหน้าอารมณ์ไม่ดีฟังบรรยายสรุป ชี้ 3 ปีที่ผ่านมาความคืบหน้าช้าไป ทุกหน่วยงานต้องเร่งรัด กระจายการพัฒนาถึง ปชช. ย้ำการช่วยเหลือต้องมีประสิทธิภาพ ไม่สูญเปล่า ต้องร่วมมือกัน บ่นแก้ราคายาง กินได้กินไปแล้ว
วันนี้ (27 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาถึงพื้นที่เกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปโรงงานน้ำมันปาล์ม ที่บริษัท ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่าหลายอย่าง 3 ปี ผ่านมาความคืบหน้าอย่างช้าเกินไป มองว่ามาจากการบริหารจัดการ การทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน ดังนั้น จากนี้ไปให้ทุกฝ่ายเร่งรัดให้งานทุกอย่างคืบหน้า ต้องกระจายการพัฒนาทั้งหมดไปถึงประชาชน เช่น การพัฒนาปศุสัตว์ต้องจัดหาพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ที่มีคุณภาพให้กับประชาชนและให้หน่วยงานราชการวางแผนร่วมกับเกษตรเพื่อกำหนดพื้นที่การเพาะปลูกให้เหมาะสม ลดการนำเข้าแต่ต้องไม่ให้สินค้าล้นตลาด
ทั้งนี้ ภายหลังการบรรยายสรุปเป็นที่น่าสังเกตว่า นายกรัฐมนตรีอารมณ์ไม่ดี โดยขณะเดินชมเยี่ยมชมนิทรรศการและงานวิจัยสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน นายกรัฐมนตรีได้สอบถามรายละเอียดแผนงานกับเจ้าหน้าที่ด้วย ถามเสียงเข้มและดัง พร้อมเรียกหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้มาพูดคุยกับผู้ประกอบการโดยตรง
ขณะที่เมื่อเดินเยี่ยมชมบูทธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ที่เตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมที่มีรายได้น้อย เช่น สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อพี่น้องมุสลิม วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย อัตรากำไรไม่เกิน 0.8% ต่อเดือน ระยะเวลาสูงสุด 5 ปี และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกระดับ โดยจะมีการเสนอในที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ด้วย นายกรัฐมนตรีย้ำว่าการต้องช่วยเหลือต้องมีประสิทธิภาพและเหมาะสม ไม่ใช่ช่วยเหลือแล้วสูญเปล่า แต่ต้องช่วยแล้วสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนด้วย ทั้งนี้ ในบูทนี้มีการเตรียมเสื้อปาเต๊ะให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯ ถามว่าใส่แล้วจะหนุ่มขึ้นไหม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขณะเยี่ยมชมบูด้ทวยว่า รัฐบาลคิด รัฐบาลรู้ รัฐบาลพูด แต่ถ้าไม่ร่วมมือก็ไปไม่ได้ ถ้าหวังรับจากรัฐอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องรวมกลุ่มกัน พร้อมกล่าวติดตลกว่าทุกวันนี้แก้ปัญหายางพาราอยู่ ถ้ากินได้กินไปแล้ว และในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีระบุว่าต้องขอโทษด้วยที่พูดเสียงดังไปบ้าง