กอร.พระราชพิธี แจงผลประชุม มีความพร้อมถึง 98-99% เหลือแค่ประดับตกแต่ง “ประวิตร” มอบงาน จนท.6 เรื่อง “ไก่อู-คสช.” ย้ำอยากให้ ปชช.ถวายดอกไม้จันทน์ในจังหวัดของตัวเอง แต่จะร่วมพิธีที่สนามหลวงได้ เปิดคัดกรอง 25 ต.ค.ตี 5 มท.แจงจัด 878 จุดถวายดอกไม้จันทน์ทั่วไทย แบ่งเป็นพระเมรุมาศจำลอง 76 แห่ง แต่ละจังหวัดไม่พบปัญหา
วันนี้ (9 ต.ค.) เวลา 12.30 น. ที่กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (กอร.พระราชพิธี) ได้แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน และมี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี กระทรวงกลาโหม
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับกองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (กอร.พระราชพิธี) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าตอนนี้การเตรียมการด้านพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพนั้นมีความพร้อมถึง 98-99% ที่เหลืออีก 1-2% นั้นอยู่ที่การตกประดับตกแต่งอุปกรณ์บางอย่างที่ยังไม่สามารถติดตั้งได้ในทันที เพราะอาจทำให้สียังไม่แห้งอาจทำให้เกิดความไม่สวยงาม นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังมอบหมายงานให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย 6 เรื่องด้วยกัน คือ ข้อ 1. ขอบใจทุกฝ่ายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดโดยเฉพาะเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาที่มีการซ้อมย่อยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศในพื้นที่จริงเป็นครั้งแรก โดยผลการซักซ้อมนั้นมีความพร้อมและสมบูรณ์เกือบ 100% ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เป็นไปอย่างเรียบร้อย 2. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดจุดต่างๆ ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเส้นทางขบวนเสด็จฯ ต้องรีบกำหนดแผนการเสด็จให้เรียบร้อย
3. แนะนำให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกรมประชาสัมพันธ์รีบดำเนินการให้ความรู้และทำความเข้าใจให้แก่ประชาชนและสื่อมวลชนในการมาร่วมงานพระราชพิธี และการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ โดยกรมประชาสัมพันธ์ควรรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนด้วยการเชิญชวนให้ประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่และจังหวัดของตัวเอง เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชานุญาตให้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลองในทุก 76 จังหวัด และอีก 9 จุดในกรุงเทพฯ แต่ถ้าประชาชนจะเดินทางมาร่วมพระราชพิธีในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางและจุดจอดรถให้เรียบร้อย
4. วันที่ 13 ตุลาคม นี้อันเป็นวันครบรอบ 1 ปีการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานจัดกิจกรรมต่างๆ ให้สมพระเกียรติ
5. ให้ดูแลเรื่องระบบการสื่อสารให้ดีที่สุดเนื่องด้วยระหว่างวันที่ 15-29 ต.ค. 60 จะมีหน่วยงานและประชาชนเป็นจำนวนมากโดยรอบพื้นที่ท้องสนามหลวง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อาจมีปัญหาด้านการสื่อสาร จึงขอให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องสัญญาณโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างการติดต่อสื่อสารเรื่องสำคัญ โดยต้องเตรียมความพร้อมด้วยการหาเครือข่ายสำรอง และข้อ 6. ขอให้ทุกภาคส่วนมีความตั้งใจอย่างถึงที่สุดในการถวายงานแด่ในหลวง ร.๙ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้ พล.ท.สรรเสริญ เน้นย้ำว่าอยากให้ประชาชนถวายดอกไม้จันทน์ในพื้นที่และจังหวัดของตัวเอง เพราะพระราชพิธีทุกอย่างนั้นคล้ายกับท้องสนามหลวงทุกประการ แต่ถ้าประชาชนจะเดินทางเข้ามาพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวงสามารถจุคนได้ถึง 250,000 คน เพราะบริเวณโดยรอบสนามหลวงมีพื้นที่ 150,000 ตารางเมตร แต่จะมีประชาชนเพียง 40,000-50,000 คน เท่านั้นที่จะสามารถเข้ามารับชมพระราชพิธีเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ โดยพื้นที่โดยรอบที่ประชานสามารถรับชมริ้วขบวนได้นั้นมีดังนี้ ถนนมหาราชแยกท่าช้าง-ท่าเตียน สามารถรองรับประชาชน 2,500 คน ท่าเตียน-สามแยกเชตุพน 2,500 คน ตลอดเส้นทางศาลฎีกาไปสะพานผ่านพิภพลีลา 15,500 คน ถนนพระธาตุยาวไปจนถึงโรงละครแห่งชาติ 6,500 คน ทั้งนี้ประชาชนสามารถมาร่วมในพระราชพิธีนี้ได้ ด้วยการพกบัตรประชาชนและเตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาหารและน้ำมาด้วย โดยประตูจุดคัดกรองจะเปิดในเวลา 05.00 น.ของวันที่ 25 ตุลาคม และประชาชนสามารถอยู่ยาวได้ถึง 26 ตุลาคมจนเสร็จสิ้นพระราชพิธี
ด้านนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้มีการนำแนวนโยบายของกองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด อำนวยความสะดวกประชาชนที่จะมาร่วมงานพระราชพิธีสำคัญครั้งนี้ ในเรื่องความปลอดภัย จุดจอดรถ อาหาร และน้ำดื่ม โดยสถานที่ถวายดอกไม้จันทน์ทั่วทุกภูมิภาคมีทั้งหมด 878 จุด แบ่งเป็น พระเมรุมาศจำลอง 76 แห่ง ดำเนินการแล้ว 95% คาดว่าจะแล้วเสร็จทั่วประเทศ 15 ตุลาคม ขณะที่ซุ้มวางดอกไม้จันทน์ 802 จุด โดยทุกจุดจะมีการติดตั้งจอแอลอีดีขนาดใหญ่เพื่อให้เห็นภาพประวัติศาสตร์เหมือนเหตุการณ์จริง ทั้งนี้ ทางมหาดไทยได้เปิดให้จังหวัดต่างๆ ทำดอกไม้จันทน์ รวมทุกจังหวัด จำนวน 61 ล้านดอก นอกจากนี้ ได้มีปรับภูมิทัศน์ปลูกดอกดาวเรืองในสถานที่สำคัญของทางราชการ และโดยรอบพระเมรุมาศจำลอง โดยแต่ละจังหวัดได้เตรียมการเก็บภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวเพื่อทำสมุดภาพประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ภาพรวมการเตรียมการในแต่ละจังหวัดไม่พบปัญหาใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง เลขาธิการ คสช.ได้กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ดำเนินการประชาสัมพันธ์ชี้แจงถึงความคืบหน้าและการปฏิบัติตนของประชาชนในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยเฉพาะการขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการงดจัดกิจกรรมบันเทิงเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของงานพระราชพิธีฯ รวมทั้งการให้คำแนะนำประชาชนในการเข้าถวายดอกไม้จันทน์และร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ สถานที่จัดพิธีของแต่ละจังหวัด เพื่อให้เกิดภาพแห่งความจงรักภักดี พร้อมเพรียงกันทั่วทุกพื้นที่ในแผ่นดินไทย
พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 24 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเคลียร์พื้นที่บริเวณสนามหลวงให้ประชาชนออกให้หมด และจะเปิดจุดคัดกรองให้ประชาชนเข้าชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเวลา 05.00 น.ของวันที่ 25 ตุลาคม โดยสิ่งจำเป็นที่ต้องพกมาคือบัตรประจำตัวประชาชน น้ำและอาหาร งดของมีคมและสิ่งอันตราย
ทั้งนี้ เนื่องจากมีการปิดถนนตั้งแต่ 05.00 น.วันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป โดยปิดถนนราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง และราชดำเนินใน คือทิศเหนือตั้งแต่พระลานพระราชวังดุสิต ทิศใต้ถึงปากคลองตลาด ทิศตะวันออกตั้งแต่แยกสะพานขาว และทิศตะวันตก แยกอรุณอัมรินทร์ ถนนบรมราชชนนี หากประชาชนจะนำรถยนต์เข้ามา สามารถจอดได้ 13 จุด ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ศูนย์ราชการ ทิศใต้ พุทธมณฑล และเซ็นทรัลศาลายา เซ็นทรัลพระราม 2 ทิศตะวันออก เมกะบางนา และทิศตะวันตก เซ็นทรัล เวสต์เกต รวมแล้วสามารถรองรับรถยนต์ได้ 30,000 คัน โดยจะมีรถชัตเตอร์บัสของ ขสมก.รับส่งใน 5 จุด ได้แก่ สนามม้านางเลิ้ง บ้านมนังคสิลา ปากคลองตลาดหน้า สน.พระราชวัง แยกอรุณอมรินทร์ และแยกวิสุทธิ์กษัตริย์ ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ที่สุดที่ประชาชนจะสามารถเดินเท้าเข้ามาภายในบริเวณมณฑลพิธี นอกจากนี้ยังมีที่จอดรถบัส และรถตู้ 5 จุด จอดได้ 7 แห่ง คือ พุทธมณฑล 1, 2, 3, 4, ถนนราชพฤกษ์, แยกไฟฉาย สามารถรองรับได้ 3,400 คัน ส่วนประชาชนที่เดินทางมาโดยรถไฟ ทิศเหนือจากสถานีอยุธยา ทิศใต้สถานีนครปฐม ทิศตะวันออกฉะเชิงเทรา ซึ่งสถานีตะวันออกและเหนือจะมาจอดที่สถานียมราช ทิศใต้จอดที่สถานีธนบุรี และสามารถเดินข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า หรือข้ามเรือได้
พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่มาโดยรถไฟฟ้าบีทีเอส-เอ็มอาร์ที จะมีรถบริการจากสถานีใหญ่ๆ 5 จุด เช่น วงเวียนใหญ่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บางหว้า บางใหญ่ ส่วนประชาชนที่มาทางเรือจะสามารถเข้ามาได้ใกล้ที่สุดที่ท่าเรือยอดพิมาน และท่าเรือปิ่นเกล้า ท่าเรือคลองแสนแสบ สามารถเข้าสุดได้ที่ ท่าเรือผ่านฟ้าลีลาศ และเทเวศร์