xs
xsm
sm
md
lg

กสม.แนะให้คนกรีดยางไม่มีเอกสารสิทธิขึ้นทะเบียนได้ แก้ปัญหาละเมิดสิทธิเหลื่อมล้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

วัส ติงสมิตร ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (แฟ้มภาพ)
ประธาน กสม. เผย ที่ประชุม กสม. เสนอแนวทางแก้ไขประกาศการยางแห่งประเทศไทย ให้สามารถขึ้นทะเบียนคนกรีดยางรายย่อยที่ไม่มีเอกสารสิทธิเป็นเกษตรกรชาวสวนยางตามกฎหมาย แก้ปัญหาการละเมิดสิทธิและความเหลื่อมล้ำ

วันนี้ (24 ก.ย.) นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือ กสม. กล่าวว่า ที่ประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครอง ได้พิจารณาและมีมติส่งเรื่องไปให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ร่วมกันทบทวนและแก้ไขประกาศคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ. 2558 ในส่วนที่เกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางของกลุ่มคนกรีดยางรายย่อยซึ่งมีสิทธิได้รับผลผลิตจากต้นยางในสวนยางนั้น ให้สอดคล้องกับเหตุผลและเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 สืบเนื่องจากมีคนกรีดยางรายย่อยในจังหวัดภาคใต้รวม 91 คน ร้องต่อ กสม. กรณีได้รับการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ทำให้เสียสิทธิประโยชน์ที่จะพึงได้รับจากรัฐ จากการที่สำนักงานสาขาของการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ไม่รับขึ้นทะเบียนผู้ร้องทั้ง 91 คน เป็นเกษตรกรชาวสวนยาง เนื่องจากไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หรือเอกสารรับรองเกี่ยวกับที่ดินมายื่นประกอบการพิจารณา ตามที่กำหนดไว้ในประกาศข้างต้น

นายวัส กล่าวว่า มาตรา 4 ของกฎหมายว่าด้วยการยางแห่งประเทศไทย กำหนดให้บุคคลสามารถขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง ได้แก่ (1) เจ้าของสวนยาง (2) ผู้เช่าหรือผู้ทำสวนยาง และ (3) คนกรีดยาง เกษตรกรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมีสิทธิที่จะยื่นคำขอต่อ กยท. เพื่อรับการส่งเสริมและสนับสนุนในด้านต่างๆ รวมทั้งเงินจัดสรรจากกองทุนพัฒนายางพาราแล้วแต่ประเภทของผู้ได้รับการขึ้นทะเบียน การที่เจ้าหน้าที่ของ กยท. ไม่รับขึ้นทะเบียนผู้ร้องโดยอ้างว่าไม่มีคุณสมบัติตามประกาศข้างต้นที่ออกตามความในมาตรา 4 ของกฎหมายว่าด้วยการยางแห่งประเทศไทย เนื่องจากไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หรือเอกสารรับรองเกี่ยวกับที่ดินมายื่นประกอบการพิจารณา ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวมีลักษณะเป็นการจำกัดสิทธิพลเมืองที่ประกอบอาชีพเป็นคนกรีดยางรายย่อย ที่มีสิทธิได้รับผลผลิตจากต้นยางในสวนยางนั้นเกินสมควร นอกจากนี้ ยังพบว่า คนกรีดยางโดยชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้รับการรับรองจากเจ้าของสวนยาง เนื่องจากเจ้าของสวนยางบางรายไม่ต้องการรับรองคนกรีดยางเกินจำนวน 4 คน ทำให้ในสวนเดียวกันมีทั้งผู้ได้รับการขึ้นทะเบียนและไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางได้

“กสม. เห็นว่า เนื้อหาของประกาศคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ. 2558 เป็นการกระทบสิทธิของคนกรีดยางรายย่อยเกินสมควร ทำให้ไม่ได้รับโอกาสในการเข้าถึงสิทธิต่างๆ ที่จะพึงมีพึงได้ เป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ก่อให้เกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม ไม่สอดคล้องกับมาตรา 27, 40 ,73 และ 77 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และหลักสิทธิมนุษยชนตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ที่รัฐไทยให้การรับรอง”

ด้าน นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กสม. ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม กล่าวว่า การทบทวนและแก้ไขประกาศดังกล่าว ผู้เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของเกษตรกรชาวสวนยาง โดยเฉพาะข้อเสนอของคนกรีดยางรายย่อยที่มีสาระสำคัญกำหนดให้ผู้ที่มีเอกสารรับรองเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งเป็นสวนยางที่ตั้งอยู่บนที่ดินที่มีหนังสือรับรองของคณะกรรมการชุมชนที่ตนเองเป็นสมาชิก และชุมชนนั้นได้รับการรับรองการมีอยู่ของชุมชนโดยคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือสภาองค์กรชุมชน หรือคณะกรรมการประสานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน สามารถมีสิทธิยื่นขอขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางได้ โดยไม่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องในที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด และเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มคนกรีดยางรายย่อยในระหว่างที่ดำเนินการแก้ไขประกาศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ควรพิจารณาให้ผู้ถูกร้องช่วยเหลือเยียวยาคนกรีดยางรายย่อยที่ถูกปฏิเสธไม่รับขึ้นทะเบียน หรือที่ยังไม่ได้ขอขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวสามารถเข้าถึงสิทธิและประโยชน์ของเกษตรกรชาวสวนยางได้ตามกฎหมาย จนกว่าจะมีการประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางขึ้นมาใหม่

“ปัญหาของคนกรีดยางรายย่อยที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนตามกฎหมายได้ เป็นปัญหาของความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากคนที่มีอาชีพปลูกหรือกรีดยาง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ หรือ CESS และภายหลังเมื่อมีการจำหน่ายผลผลิต กลุ่มที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนนอกเหนือจากจะไม่ได้การช่วยเหลือใดๆ จากรัฐ แล้วก็จะไม่ได้รับการจัดสรรเงินสงเคราะห์กลับคืนอีกด้วย ซึ่งทราบว่ายังมีเป็นจำนวนหลายแสนคน”
กำลังโหลดความคิดเห็น