“ประยุทธ์” เผย ได้พบปะพูดคุยนักการเมืองเพื่อความร่วมมือกันในอนาคต ปัดดึงมาเป็นพวก แจงเร่งส่งสริมการลงทุนเพื่อหาเงินมาช่วยผู้มีรายได้น้อย แต่กลับมีคนบิดเบือนว่ารัฐเอื้อประโยชน์คนรวย ย้ำ แก้ปัญหาให้ประชาชนเข้มแข็ง ไม่ใช่ประชานิยม ให้จนเคยชินเหมือนรัฐบาลอื่นที่ผ่านมา
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาควิชาการ และสื่อมวลชน อันจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ยังคงต้องการให้ปรับตัวเข้าหากัน ทั้งนี้ กุญแจสู่ความสำเร็จ คืออุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ที่เป็นเป้าหมายเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นคือ ตนได้มีโอกาสพบกับบรรดานักการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีความยินดีมีการพบปะพูดคุยกัน เรียกว่าการปรองดองในขั้นต้น คือ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นพวกกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน เรายังไม่พูดถึงตรงนั้นเลยเราเพียงแต่ว่าจะร่วมมือกันอย่างไรในวันหน้า เพราะว่าท่านเหล่านั้นเป็นนักการเมืองอาชีพ คือทุกคนอยู่ในกระบวนการบริหารราชการแผ่นดินมา ทุกพรรค เราก็ยินดีที่พบปะพูดคุยแต่บางท่าน บางพรรคไม่อยากพูดคุยด้วย ตนไม่ทราบจะทำอย่างไรเหมือนกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องการที่จะลดความขัดแย้งที่หลายๆ คน เรียกร้องว่า รัฐบาลไม่พูดคุยไม่ฟังใคร ไม่ฟังนักการเมือง พอฟังเสร็จก็หาว่าจะพยายามที่จะไปดึงมาเป็นพวกอีก ดึงมาพูดคุยกันเพื่อให้เข้าใจว่า รัฐบาลกำลังจะทำอะไรอยู่แล้ว เมื่อท่านเป็นนักการเมืองเข้าบริหารประเทศท่านจะเห็นว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่รัฐบาลนี้ทำไว้อยู่แล้ว ท่านก็รับไปสานต่อให้สำเร็จ คสช. ก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยระยะเวลาอันสั้น ถึงแม้ว่าจะ 3 ปีก็ตาม บางอย่างมีปัญหามาหลาย 10 ปี อย่างเช่น ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง
นายกฯ กล่าวด้วยว่า การพัฒนาในอดีตในศตวรรษที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นพัฒนาให้เกิดการเติบโตแต่เพียงทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่สมดุล ขาดการบูรณาการ จนเราต้องสูญเสียความสมดุล ในหลายมิติ (1) ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยไม่จำเป็น ไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิภาพในการใช้
(2) ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของรายได้ การเคารพกฎหมาย การบังคับกฎหมาย เลยเกิดความขัดแย้งไม่ว่าจะประชาชนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่เราเห็น อย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ ก็พยายามแก้มาโดยตลอดให้ดีขึ้นมา มีนัยสำคัญ
(3) ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี ซึ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดความแปลกแยก ล้าหลัง บางพวกน้อยอกน้อยใจ ว่า ตัวเองไม่ได้รับความสนใจไม่ได้รับการพัฒนา ผมเห็นว่าเราต้องปรับทัศนคติ มุมมองใหม่ โดยรัฐบาลนี้ น้อมนำศาสตร์พระราชา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาทำให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งผมเน้นย้ำว่า ผมให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาระดับฐานราก ตำบล หมู่บ้าน เหมือนการสร้างบ้าน สร้างเจดีย์ ที่ต้องใส่ใจกับความแข็งแรงของฐานราก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์ในภาพรวมของประเทศ ในปัจจุบันนั้น “ด้านเศรษฐกิจ” ล่าสุด ตามหลักการวิชาการ หรือตามหลักเศรษฐศาสตร์ หลายอย่าง ปรับดีขึ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรในหลายหมวดปรับเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี หัวมันสำปะหลังสด ปาล์มทะลาย และยางแผ่นดิบก็มีราคาที่เพิ่มขึ้นมาสมควร
ส่วนด้านธุรกิจ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จำนวนผู้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 แสดงว่าทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี จากมาตรการของภาครัฐด้านภาษี เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการ และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน สอดคล้องกับที่ U.S. News ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 1 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกด้วย ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 นี่แหละ คือความเป็นจริง ฉะนั้นที่พูด ๆกันอยู่ก็ขอให้ฟังตนบ้าง หลายประเทศก็ให้ความมั่นใจกับประเทศไทยในเวลานี้
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมในเรื่องของการลงทุนภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง อันนี้ก็เป็นกังวลกับประชาชนระดับล่างซึ่งยังอาจไม่เชื่อมโยงตรงนี้ เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ทั้งมาตรการในการช่วยเหลือ มาตรการในการกำหนดราคาข้าวเปลือก หรือสินค้าการเกษตรบางอย่างได้ ตามพันธสัญญาที่เราสามารถทำได้เอง ที่ไม่ไปละเมิด WTO อะไรต่างๆ เราก็ทำตามมาตรการเหล่านี้ นี่คือ ความแตกต่าง อย่ามาบอกว่าประชานิยมเหมือนกัน คนละเรื่องกัน ถ้าอะไรก็ตามที่ทำได้แล้วไม่ขัดหลักการของ WTO หรือหลักการพันธสัญญากับนานาประเทศ ทำได้ทั้งหมด
แต่ปัญหาคือเราจะหาเงินได้อย่างไร ตนก็พูดอีกข้างหนึ่งว่า ถ้าเราสนับสนุนส่งเสริมเรื่องสาธารณสุข เรื่องการศึกษา เรื่องเกษตรมากๆ เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำ แต่จะทำอย่างไรให้เขาเข้มแข็งได้ ไม่ใช่ให้อย่างเดียวไปเรื่อย ๆ เขาเหมือนกับเคยชินมากๆ แล้วถึงเวลาพอไม่ได้แบบนั้นก็มีปัญหากับการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างนี้ไม่ได้ โทษเขาไม่ได้เพราะรัฐบาลที่ผ่านมาหลายๆ รัฐบาลก็ไม่ได้คิดตรงนี้ อาจจะไปคิดในแง่ในเรื่องของการให้ความช่วยเหลือมาก ๆ อาจจะไม่ได้คำนึงถึงว่าเราจะหารายได้ที่ไหน ที่พูดหมายความว่าช่วงนี้เรายังไม่มีเงินมากพอที่จะทำให้มันดีมากกว่านี้อีกหลายเท่า แต่เราก็ทำให้มันดีขึ้น
นโยบายรักษาพยาบาล การศึกษา แต่มันไม่ดีขึ้นทั้งหมด ความต้องการความขาดแคลนมากเกินไป เพราะว่าไม่ได้แก้อย่างเต็มระบบอย่างครบวงจรในช่วงที่ผ่านมา วันนี้เราต้องแก้ไขวงจรเหล่านี้ คราวนี้เงินต้องเพิ่มขึ้น เมื่อเพิ่มขึ้น ตนก็บอกว่าวันนี้ทุกคนเรียกร้องทั้งหมดก็บอกว่าไม่มีเงินให้ จะมาบอกว่าให้ไปตัดตรงโน้นมาใส่ตรงนี้ ตรงนี้มาใส่ตรงโน้น แล้วตรงอื่นก็ไม่ต้องทำก็ไม่ได้อีก
จึงอธิบายต่อไปว่าเราต้องไปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของเรา หารายได้เข้าประเทศ เก็บภาษีจากรายได้ใหม่เหล่านั้นให้มากยิ่งขึ้น การลงทุนใหม่ที่มีราคาสูงมากยิ่งขึ้น เพื่อจะนำเอาเม็ดเงินเหล่านั้นมาเติมตรงนี้ เพราะฉะนั้นหลายคนก็มาบิดเบือนเอาว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับคนรายได้น้อย ให้ความสำคัญกับการซื้อ กับการลงทุนขนาดใหญ่ เอื้อประโยชน์กับคนที่มีรายได้มาก ทำนองนี้ ก็ตีกันอยู่แบบนี้ ไม่มีประเทศไหนหรอก เอาเงินไปทุ่มด้านไหนด้านหนึ่งอย่างเดียว ก็มีมากน้อยตามความสำคัญไป แต่ต้องทำทุกอัน ขอให้เข้าใจด้วย วันหน้าจะได้ไม่วุ่นวายอีก
คำต่อคำ : รายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วันที่ 22 ก.ย.60
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกท่าน ดังที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2559 และบัดนี้ สำนักพระราชวังมีประกาศให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ในวันที่ 30 กันยายน 2560 เป็นวันสุดท้าย ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการจัดเตรียมถวายพระเพลิงพระบรมศพให้สมพระเกียรติต่อไปนั้น ผมขอแสดงความชื่นชมพี่น้องประชาชนจากทุกภาคส่วน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนา ทั่วฟ้าเมืองไทย ใต้ร่มพระบารมี โดยเฉพาะจิตอาสา ที่ร่วมกันทำดีเพื่อพ่อถวายแด่พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา มีผู้เข้าถวายสักการะพระบรมศพจำนวนกว่า 10 ล้านคน สำหรับห้วงเวลาที่เหลืออยู่ประมาณ 1 เดือนนั้น นับจากนี้ เราทุกคนยังมีงานครั้งสุดท้าย สำหรับภารกิจร่วมกันครั้งนี้ ทั้งในส่วนตนและส่วนรวม อาทิ การปลูกดอกดาวเรือง ดอกไม้ที่มีสีเหลือง ทั้งที่พักอาศัย อาคาร สถานที่ต่างๆ เพื่อให้ออกดอกเบ่งบานทั่วแผ่นดิน ในช่วงการพระราชพิธีที่สำคัญนี้ไปจนถึงการซักซ้อมการปฏิบัติทุกรายละเอียด โดยเฉพาะขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ซึ่งเรียกว่าริ้วขบวน ตามโบราณราชประเพณี เพื่อให้มีความพร้อม และงดงาม ประหนึ่งราชรถเคลื่อนบนหมู่เมฆส่งเสด็จสู่สวรรค์ ให้อยู่ในความทรงจำที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย และของโลกต่อไป
ในการเดียวกันนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัยให้รัฐบาลก่อสร้างพระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศ ด้วยทรงห่วงใยประชาชนจำนวนมาก จะไม่ทราบสามารถเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯได้ จึงมีพระราชประสงค์ให้ทุกคนมีโอกาสถวายความจงรักภักดีแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ครั้งสุดท้ายอย่างทั่วถึง ควรจะได้สัมผัสบรรยากาศและความรู้สึกเช่นเดียวกัน อย่างพร้อมเพรียงทั่วประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในการจัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง จำนวน 85 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลจำนวน 9 แห่ง และส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด จังหวัดละ 1 แห่ง
โดยเห็นว่าการปฏิบัติงานในปัจจุบันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เป็นตามแผนงาน และก้าวหน้าไปมาก รวมทั้งจัดให้มีพิธีบวงสรวงนพฎลสุวรรณฉัตรทอง 9 ชั้น เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดพระเมรุมาศจำลอง ทั้ง 85 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งทั้งหมดกำหนดให้แล้วเสร็จ 15 ตุลาคม ศกนี้ พี่น้องประชาชนต่างจังหวัดจะสามารถร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ณ พื้นที่ที่ทางจังหวัดตนกำหนดไว้เช่นกัน ด้วยความสมัครใจ ซึ่งทุกจังหวัด ทุกอำเภอได้จัดทำแผน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ อาทิ อาหาร น้ำดื่ม แพทย์ พยาบาล การรักษาความปลอดภัย รวมทั้งการจราจรและอื่นๆ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นการแสดงความอาลัยและความจงรักภักดี ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
สำหรับรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม เกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารได้จากเว็บไซต์ และสายด่วนตามหน้าจอนะครับ
สำหรับโครงการจิตอาสาเฉพาะกิจ ในการถวายพระเพลิงพระบรมศพตาม พระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลปัจจุบันนั้น ยังเปิดรับสมัครต่อไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้
อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่า การทำดีเพื่อพ่อ ทำได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ การทำเพื่อส่วนรวม สังคม ประเทศชาติ ยกตัวอย่าง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ มีพระดำริบูรณะวิหารปฏิบัติธรรม วัดธาราทิพย์ชัยประดิษฐ์ (Wat Taratipchaiyapradid) ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยทรงตั้งพระทัยทำภาพกิจกรรมฝาผนังศิลปะล้านนาไทยร่วมสมัย ให้มีเนื้อหาพุทธประวัติและไตรภูมิจักรวาล รวมทั้ง พระมหาชนก บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ โดยเฉพาะเรื่องบุคคลเปรียบด้วยน้ำ 7 จำพวก ซึ่งเป็นปริศนาธรรม เปรียบเสมือนคนตกน้ำกับการเอาชนะอุปสรรค การเอาตัวออกจากกองทุกข์กองกิเลศเป็นต้น
นอกจากนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องชาวประชาชนติดตามศาสตร์พระราชาในรูปแบบหนังสือเสียง ชื่อ The Visionary ถอดรหัสกษัตริย์ผู้มองเห็นอนาคต สำหรับการสานต่อที่พ่อทำคือการศึกษาพระราชปณิธานผ่านวิธีคิดในการทำงานและการดำเนินชีวิต ที่ทรงทำไว้เป็นแบบอย่างให้กับประชาชนของพระองค์ท่าน ได้นำไปปรับใช้เป็นธรรมมาสน์ประจำในการดำเนินชีวิต
พี่น้องประชาชนที่รัก ในการบริหารราชการแผ่นดินนั้น เรามีความจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมโยงและสอดคล้องกันจากระดับท้องถิ่น จังหวัด ภาค และประเทศ แม้เราจะมีหลายกลไกทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว อาทิ ระบบราชการของกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีรัฐมนตรีรับผิดชอบสายการปกครองบังคับบัญชา ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านรับผิดชอบ รวมทั้งมอบหมายให้รองนายกัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความจำเป็นและเห็นถึงความสำคัญอย่างมากในการลงพื้นที่ทุกภูมิภาค เพื่อพบปะกับพี่้น้องประชาชน และรับทราบปัญหา ซึ่งทุกครั้งที่ไปไม่เฉพาะที่ผมไปพบพี่น้อง และพูดคุยกับทุกท่านที่มาตรงนั้น ผมได้ให้มีการจัดตั้งศูนย์รับร้องเรียน หรือปัญหาต่างๆ ที่หลายท่านอาจไม่มีโอกาสพบกับผมโดยตรง ซึ่งผมได้จัดให้ศูนย์ดำรงธรรมสามารถรับเรื่องร้องเรียนทุกเรื่อง ครั้งที่แล้วผมได้รับหลายปัญหาเช่นกัน ได้สั่งการให้พื้นที่แก้ปัญหาแล้ว โดยมองว่า ไปเพื่อทำงานการเมือง ไปทำประชานิยม ไปเรียกคะแนนเสียง ผมไม่ได้ต้องการอย่างนั้น ผมต้องการทราบความต้องการที่แท้จริง และจะหาวิธีการทำงานเพื่อตอบโจทย์ประชาชนโดยตรงตามแนวทางศาสตร์พระราชาด้วย
ในการลงพื้นที่ภาคกลางครั้งนี้ ผมและคณะรัฐมนตรีได้สร้างการรับรู้ ทำความเข้าใจ มีโอกาสพูดคุย และขอความร่วมมือกับกลไกประชารัฐในพื้นที่เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาภาคกลาง เรามี 6 ภาค ปัจจุบัน ซึ่งเป้าหมายของภาคกลาง คือ การพัฒนาภาคกลางสู่มหานครทันสมัย และเป็นฐานการเชื่อมโยงของประเทศไทยสู่เส้นทางการขนส่ง 2 ฝั่งทะเล ดังนี้
1. การเสริมสร้างกรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครทันสมัยระดับโลก ควบคู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของเมือง โดยเร่งพัฒนาระบบขนส่งมวลชน การก่อสร้างถนนวงแหวน การจัดระเบียบในพื้นที่ การคุ้มครองแหล่งอนุรักษ์ทั้ง 4 ภาคของเมือง การพัฒนาระบบดูแลผู้สูงอายุ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นอารยสถาปัตย์ ขยะ น้ำเสีย น้ำท่วม รวมทั้งการสร้างระบบป้องกันภัยอาชญากรรมและก่อการร้าย เป็นต้น
2. การพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และสร้างความเชื่อมโยงให้กระจายทั่วทั้งภาค ได้แก่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลก พระนครศรีอยุธยา อย่างยั่งยืน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เช่น วัดพระแก้ว ชายทะเลชะอำ หัวหิน และสนามกีฬา สนามกอล์ฟระดับโลกด้านตะวันตกของภาค การเพิ่มมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น เช่น ตลาดย้อนยุค ตลาดน้ำ และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ กลุ่มประวัติศาสตร์ และศาสนา กลุ่มสุขภาพ และแพทย์แผนไทย ตลอดจนถึงการเพิ่มความสะดวก ในการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวชุมชน แหล่งผลิตสินค้าโอทอป และแหล่งท่องเที่ยวเชิญเกษตรเป็นต้น
3. การยกระดับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม โดยใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อที่เราจะสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ประกอบด้วยการวิจัยคุณภาพสู่การพัฒนาพันธุ์ข้าว การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการเกษตร เพื่อยกระดับไปสมาร์ทฟาร์มมิ่ง การพัฒนามาตรฐานฟาร์ม และพัฒนามาตรฐานการผลิตอาหารปลอดภัยที่ต้องสอดคล้องมาตรฐานสากล รวมทั้ง การพัฒนาขีดความสามารถของการประมง อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น และเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นต้น
4. การบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง และคงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาแหล่งน้ำ ระบบกระจายน้ำในพื้นที่แล้งซ้ำซาก ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจชุมชน โบราณสถาน และน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนกลาง การขุดลอกลำน้ำเพื่อเพิ่มการกักเก็บน้ำ และเพิ่มความสะดวกการขนส่งทางน้ำ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งกลุ่มจังหวัดตอนล่างของภาค รวมทั้งการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า และฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมทางตะวันตกของภาคเป็นต้น
5. การเปิดประตูการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในเมียนมาร์ ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก อีอีซี ในประเทศไทย ด้วยการพัฒนาถนนมอเตอร์เวย์ รถไฟ ที่เชื่อมกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี การพัฒนาเมือง และพื้นที่เขตเศรษฐกิจของภาค บนแนวเส้นทางเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับอีอีซี การเร่งพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ชายแดน รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานด่านชายแดน
6. การพัฒนาความเชื่อมโยงเศรษฐกิจ และสังคม กับทุกภาค เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพ และลดความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ ด้วยการเร่งดำเนินการตามแผนพัฒนาโครงการพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง ทั้งรถไฟความเร็วสูงทางคู่ และมอเตอร์เวย์
ทั้งนี้ จากการประชุมคณะรัฐมนตรี ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น พื้นที่ภาคกลาง และผู้แทนเกษตรกรในพื้นที่นั้น เป็นการรับฟังแนวความคิดในการพัฒนาตนเอง ของจังหวัดต่างๆ ที่กลไกประชารัฐในท้องถิ่นทำการบ้านล่วงหน้า เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งมีหลายโครงการที่ตรงกับสิ่งที่ผมกล่าวแล้ว คือการเชื่อมโยง เสริมสร้างการเติมเต็มแผนงานของรัฐบาลอย่างดี ซึ่งบางส่วนอาจเป็นสิ่งที่เกินขีดความสามารถของพื้นที่ จำเป็นที่รัฐบาลต้องยื่นมือมาช่วยเหลือ ตัวอย่างโครงการสำคัญเหล่านั้น ได้แก่ 1 การพัฒนาคมนาคมขนส่ง อาทิ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอให้กำหนดรูปแบบการก่อสร้าง สถานีรถไฟความเร็วสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และสถานีขนส่งทางบกของกรมการขนส่งทางบกในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ให้มีภูมิสถาปัตย์ที่เหมาะสม และกลมกลืนกับความเป็นเมืองมรดกโลกด้วย
2. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จ.อ่างทอง ขอให้จัดทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพื่อจะบรรเทาผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำที่ระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณชุมชนริมคลองโผงเผง และ จ.เพชรบุรี ขอให้มีการก่อสร้างระบบท่อผันน้ำจากเขื่อนแก่งกระจาน ลงอ่างเก็บน้ำทุ่งขาม ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร เพื่อจะแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่
3. ด้านการเกษตร จ.สมุทรสงคราม ขอรับการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์แปรรูปอาหารทะเลครบวงจร และจำหน่ายอาหารทะเล เพื่อจะให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เช่าเพื่อทำการค้าขาย
และ 4. ด้านการท่องเที่ยว จ.ชัยนาท ขอเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง และ จ.พระนครศรีอยุธยา ขอให้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โดยดำเนินการเป็นโครงการประชารัฐเนรมิตอยุธยาด้วยการบูรณะโบราณสถาน ต้นไม้ ส่งเสริมการเดินทางโดยจักรยาน เรือ รถราง โดยสร้างจุดแวะพัก และดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งผมเห็นว่าทุกโครงการมีประโยชน์ในภาพรวมของภูมิภาค และประเทศทั้งสิ้น จึงได้สั่งการให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม โดยให้มีการทำงานอย่างบูรณาการกันทั้งในส่วนของแผนงาน งบประมาณ ระยะเวลาที่ต้องเร่งดำเนินการ 1 2 3 หากในงานใดก็ตาม สามารถจะพิจารณาปรับแผนเดิมที่มีอยู่แล้วได้ก็ดำเนินการ โดยให้ความสำคัญ ความเร่งด่วน แล้วก็สอดคล้องกับข้อเสนอดังกล่าวด้วยในพื้นที่มาด้วย และเราจะผนวกไว้ในยุทธศาสตร์ชาติที่เกื้อกูลกัน เช่น การเชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยว โดยลงทุนโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างแหล่งท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล อันได้แก่
1. ท่าเรือเฟอร์รีเชื่อมพัทยา - หัวหิน
2. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน - นครราชสีมา, นครปฐม -
ชะอำ และ บางใหญ่ - กาญจนบุรี
3. โครงการรถไฟทางคู่ นครปฐม - หัวหิน, หัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ และ ลพบุรี - ปากน้ำโพ
4. โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา และ กรุงเทพฯ - พิษณุโลก เป็นต้น
นี่คือ ประโยชน์ของการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีที่ต้องการทำงานร่วมกับภาคและจังหวัด ซึ่งเปรียบเสมือนวงมโหรีปีพาทย์ ถึงแม้ว่าเราจะมีเครื่องดนตรีดีด สี ตี เป่า มีความหลากหลาย และต่างก็เล่นตามโน้ตของตัวเอง คือสรุปว่าทั้งวงก็ต้องบรรเลงในทำนอง และจังหวะของเพลงนั้น จึงจะเป็นเสียงดนตรีที่ไพเราะผสมผสานกัน
ทั้งนี้ รัฐบาล และ คสช. ไม่ได้มุ่งหวังเพียงทำงานให้แล้วเสร็จ เราจะต้อง มีผลงานตามกำหนดเวลาเท่านั้น แต่ต้องปฏิบัติทุกภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ คือ สำเร็จอย่างสัมฤทธิ์ คือ จับต้องได้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ว่าทำให้แล้วๆ ไป ไม่ใช่ นั่นก็คือ การบรรลุวัตถุประสงค์การทำงานร่วมกันทั้งในเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ บางอย่างนั้นรัฐบาลไม่อาจดำเนินการได้ ครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยระบบราชการเพียงอย่างเดียว ที่ยังคงมีข้อจำกัด หลายๆ อย่าง ดังนั้น เราริเริ่มให้มีกลไกประชารัฐที่จะช่วยเติมเต็ม และลดจุดอ่อนเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาควิชาการ และสื่อมวลชน อันจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ ซึ่งเราต้องปรับตัวเข้าหากัน ทั้งนี้ กุญแจสู่ความสำเร็จก็คือ อุดมการณ์ในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ที่เป็นเป้าหมายเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นก็คือ ผมได้มีโอกาสพบกับบรรดานักการเมือง จากพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีความยินดีที่มีการพบปะพูดคุยกัน นั่นคือเรียกว่าการปรองดอง คือไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาเป็นพวกกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน เรายังไม่ไปพูดถึงตรงนั้นเลย เราเพียงแต่ว่า เราจะร่วมมือกันได้อย่างไรในวันหน้า เพราะว่าท่านเหล่านั้นก็เป็นนักการเมืองอาชีพ คือทุกคนอยู่ในกระบวนการบริหารราชการแผ่นดินมาทุกพรรค เรายินดีที่จะพบปะพูดคุยเว้นแต่บางท่าน หรือบางพรรคไม่อยากคุยด้วย ผมก็ไม่ทราบจะทำยังไงเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น วันนี้ผมพยายามที่จะลดข้อขัดแย้ง ที่หลายๆ คนก็เรียกร้อง ว่า รัฐบาลไม่พูดไม่คุย ไม่ฟังใคร ไม่ฟังนักการเมืองอะไรเลย ผมก็ฟัง พอฟังเสร็จก็หาว่าผมจะพยายามดึงมาเป็นพวกอีก ไม่ใช่นะครับ ดึงมาพูดคุยกัน เพื่อให้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ แล้วเมื่อท่านเป็นนักการเมือง เข้ามาบริหารประเทศ ท่านจะเห็นว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่รัฐบาลนี้ทำไว้ดีแล้ว ท่านน่าที่จะรับไปสานต่อให้สำเร็จ เพราะว่าผมเอง หรือรัฐบาล คสช. ก็ไม่สามารถจะทำให้สำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงแม้ว่าจะ 3 ปีก็ตาม บางอย่างนี่มีปัญหามาหลายสิบปี
ผมยกตัวอย่างเช่นเรื่องปัญหาเรื่องน้ำท่วม ฝนแล้ง เราเน้นในเรื่องแรก ในปีแรกๆ คือในเรื่องการจัดหาแหล่งน้ำ ซึ่งต้องทำมากมายในหลายพื้นที่ทั้งแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หรือแหล่งน้ำที่จะเก็บกักน้ำ หรือบรรเทาน้ำท่วม ซึ่งเป็นเรืองของการขุดที่กักเก็บน้ำ ขุดร่องระบายน้ำ ซ่อมแซมต่างๆ เหล่านี้เป็นจำนวนมาก คงรับทราบมาบ้างแล้ว ได้มีสถิติมามากมายเพิ่มพื้นที่การเกษตรได้มากมาย คราวนี้ในเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม มันต้องแก้อย่างเป็นระบบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงมาก เราทยอยดำเนินการนะครับ วันนี้เราก็มีแผนในการระบายน้ำภาคกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้ลงสู่ทะเลได้โดยเร็ว ในบริเวณพื้นที่ อ.บางบาล และ อ.บางไทร ถึงแม้ว่าจะเป็นแผนของใครทำไว้ก็ตาม เราก็ต้องมาปรับเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าผมจะไปตัดของทุกคนทิ้งหมด เพียงแต่ว่าเอามาดูซิว่า เหมาะสมอย่างไร จะทำได้หรือไม่ จะผ่านความเห็นชอบประชาชนหรือเปล่า ไม่ใช่หมายความว่า พอจะทำแล้วก็ประกาศ แล้วก็ทำเลย มันทำไม่ได้หรอกครับ
เพราะฉะนั้น ที่ผ่านมา ก็อาจจะติดปัญหาเหล่านี้ ผมก็ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ในการทำแผนให้ละเอียด แล้วนำสู่การปฏิบัติให้ได้ ขอความร่วมมือประชาชนด้วย หลายอย่างที่กำหนดไว้แล้วเดิมนี่ทำไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่มีรายละเอียดไว้ ก็สร้างความรับรู้ไม่ได้ แต่ประชาชนก็ไม่เข้าใจ เราต้องใช้เวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ตลอด ไม่ว่าจะเรื่องของการจัดหาที่เก็บน้ำ การทำแก้มลิง การขุดลอกคูคลอง เพราะทุกอย่างพันกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมาย ในเรื่องของการทำอีไอเอ การทำในเรื่องของการรักษาระบบนิเวศต่างๆ เหล่านี้พันกันไปกันมาด้วยความไม่เข้าใจ
เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลก็ต้องมาคลี่ออก มันต้องใช้เวลาพอสมควร หลายท่านบอกว่าทำไมไม่ทำตั้งแต่ทีแรก ผมขออนุญาตชี้แจงทำความเข้าใจตรงนี้ ไม่ได้มาแก้ตัวว่าทำไมไม่ทำ เราต้องทำอย่างอื่นก่อนด้วย อันไหนที่ทำก่อน อันไหนที่ได้ทั่วถึงมาก เราต้องเร่งทำก่อน เพราะประชาชนเดือดร้อนหลายพื้นที่ ตรงนี้อีกกรณีหนึ่ง ซึ่งต้องใช้งบประมาณเป็นหมื่นล้านบาทเหมือนกัน ก็ดำเนินการได้โดยเร็วก็จะเป็นการดี ขอข้อมูลในช่วงปีนี้ด้วยจะเริ่มดำเนินการทำความเข้าใจ สำรวจออกแบบต่างๆ ให้รวดเร็ว จะได้เร็วขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้แล้วเดิม อันนี้ขอให้ฝากทำความเข้าใจด้วย ว่า ไม่ใช่แค่ระบายน้ำให้เร็วขึ้นอย่างเดียว เพราะจะเป็นคลองสำหรับเก็บกักน้ำไว้ด้วย มีทั้งประตูน้ำตลอดเส้นทาง แล้วประตูน้ำทางปลายทางก่อนจะออกทะเลด้วย ถ้าน้ำน้อยเราก็ปิดซะ ถ้าน้ำมากเราก็เปิดระบายออกไปเท่านั้นเอง เพื่อจะมีการป้องกันน้ำทะเลที่จะรุกเข้ามาในประเทศด้วย
เพราะฉะนั้นขอให้มองในทุกมิติ ถ้าเสนอความเห็นกันมาแบบนี้ ผมก็สามารถจะทำให้ได้ แต่ถ้าบอกว่าไม่ควรทำเลย ไม่ต้องทำ มันยุติทั้งหมด ก็ทำอะไรไม่ได้อีก แล้วทุกคนก็มีผลกระทบกับน้ำท่วม ฝนแล้งมาโดยตลอด ก็อยากให้พิจารณาว่าเป็นแบบอย่างถ้าเราทำได้ตรงนี้ แล้วเห็นผลสัมฤทธิ์ออกมาในภาคอื่นๆ ก็น่าจะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหนือตอนบน ซึ่งมีการระบายน้ำออกทางข้างๆ หรือการเก็บกักน้ำไว้ในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ เพื่อจะเก็บกักน้ำในช่วงสุโขทัย ที่เวลามากจะล้นลงมาภาคกลาง ลงมาเขื่อนเจ้าพระยา เป็นน้ำต้นทาง ลงมายังไงก็ต้องทะลุมาหมด แล้วสะสมไปร่วมกับน้ำทุ่ง น้ำฝนที่ตกมากเกินไป หรือพายุเข้า มันก็ท่วมกันทุกพื้นที่ ต้องมองภาพรวมของประเทศด้วย ไม่ใช่เฉพาะจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งหรือภาคใดภาคหนึ่ง เพราะมีผลกระทบทั้งหมด 25 ลุ่มน้ำ
พี่น้องประชาชนครับ ในการลงพื้นที่ 2 จังหวัดในภาคกลางครั้งนี้ ได้เห็นศักยภาพของจังหวัดมากมาย แล้วมีโอกาสที่จะเชื่อมโยงกับจังหวัดอื่นๆ ใกล้เคียงด้วย ผมถึงบอกว่าต้องเป็นภาคไง สร้างความเชื่อมโยงกันให้ได้ เพิ่มมูลค่าให้ได้ไปตามศักยภาพที่แต่ละจังหวัดมีอยู่ ผมได้รับทราบโครงการสำคัญในจังหวัดทั้ง 2 จังหวด ซึ่งเป็นเป้าหมายทีเราไปในครั้งนี้ เป็นหลัก แต่ต้องเชื่อมโยงจังหวัดอื่นมาด้วยในจังหวัดกลุ่มภาคกลางผู้ว่าฯ ก็ได้มาประชุมทุกจังหวัด เราจะสามารถนำมาขยายผลไปยังระดับประเทศได้ เพื่อจะสร้างความเชื่อมโยงกันได้ในอนาคต อาทิ
1. โรงเรียนเกษตรกรชาวนา จ.สุพรรณบุรี ที่นำความรู้เชิงวิชาการมาสอนชาวนา ข้าราชการ และผู้ที่สนใจ ในเรื่องกระบวนการผลิตข้าวให้มีคุณภาพ เรียนรู้การใช้ศัตรูธรรมชาติควบคุมศัตรูพืช เพื่อลดและงดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อชาวนา ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม เพราะว่าที่ผ่านมาชาวนาพยายามเร่งผลผลิตด้วยสารเคมี เพื่อให้มีรายได้สูง แต่ต้องมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากโรคภัย ในการใช้สารพิษที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงประเด็น บั่นทอน ไม่ยั่งยืน ต้นทุนการผลิตสูง
นอกจากนี้ ยังเน้นการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง ให้รู้ว่าจากเดิมการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว 25 กิโลกรัมต่อไร่นั้น ถือว่ามากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดการกระจุกตัวของต้นข้าว ถ้าทำแบบเดิมต้นข้าวจะแย่งอาหารกันไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมแล้ว ปลูกห่างกันมากขึ้น จะใช้ปุ๋ยน้อยลง ลดต้นทุนลง ศัตรูพืชก็ลดลง ต้นข้าวเจริญงดงามขึ้น ผลผลิตมากขึ้น เป็นการลดต้นทุนไปด้วยในตัว ที่สำคัญคือมีการส่งเสริมวิชาการองค์ความรู้ต่างๆ จนได้ผลผลิตที่มีความปลอดภัย และครบวงจร ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง การผลิต การแปรรูป และการตลาด อย่างเป็นระบบและยั่งยืนที่จะสามารถเชื่อมโยงกลุ่มการผลิตเข้าสู่ตลาดได้ แล้วก็สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล อันนี้บรรดาเกษตรกรอยากให้มีทุกจังหวัด ผมได้สั่งการกระทรวงเกษตรฯ ไปแล้วว่า ถ้าเราจะขยายงานตรงนี้ไปก่อนได้ไหม หรือศูนย์การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีอยู่แล้วเดิม มันจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกันมากนัก เพราะมันมีอยู่แล้วทุกจังหวัด หลายพื้นที่
และ 2. โครงการเปิดน้ำเข้านา ปล่อยปลาเข้าทุ่ง จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของชาวนา จ.พระนครศรีอยุธยา และกรมชลประทาน ในการที่จะจัดสรรและส่งน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายให้เพียงพอสำหรับการปลูกข้าวตามระบบการปลูกข้าวเหลื่อมเวลา และทันตามกำหนดระยะเวลาที่นัดหมายล่วงหน้า ทั้งนี้ ภายหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตแต่ละครั้ง จะมีการผันน้ำเข้าทุ่งนาประมาณ 3 เดือน ซึ่งนอกจากจะมีการปล่อยปลาให้เกษตรกรได้ทำการประมงเป็นอาชีพเสริมแล้วน้ำที่ท่วมทุ่งจะช่วยนำเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์จากธรรมชาติ เข้ามาสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับทุ่งนาอีกด้วย หลักการที่สำคัญคือ การใช้ทุ่งนาเป็นพื้นที่แก้มลิง เพื่อรองรับน้ำหลาก ทั้งนี้ ก็พื้นที่เหล่านั้นก็เก็บเกี่ยวไว้ทันเวลาไปเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย เราถือว่าเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่มาก มีอยู่หลายแปลงด้วยกัน พื้นที่หลายแสนไร่ สามารถเก็บกักน้ำได้เป็นจำนวนเป็นล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้เพื่อจะแก้ไขปัญหาผลกระทบน้ำท่วมซ้ำซากได้ด้วย
และถ้าหากว่าเรามีการระบายน้ำได้เร็วขึ้นมากขึ้น มันไม่ต้องเก็บไว้นานเก็บไว้ในคลองระบายน้ำได้ด้วยตามประตูน้ำต่างๆ
นอกจากนั้น การลงพื้นที่ภาคกลาง ได้มีการติดตามผลการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาระดับนโยบาย มีการมอบแนวทางการทำงานของรัฐมนตรีต่างๆ ซึ่งคงเป็นประโยชน์อย่างมาก ในการที่จะเน้นการเชื่อมโยงการทำงานในแนวดิ่งลงไป ข้างล่างก็ประสานงานกันในแนวระดับ ซึ่งผมได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องจากกระทรวงต่างๆ ดังนี้
1. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มีการติดตามยกระดับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อให้เกิดเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป มะขามป้อมแช่อิ่ม, เครื่องสำอางสมุนไพรในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง, การแปรรูปผลิตภัณฑ์แห้ว, การคัดเลือกสายพันธุ์ใบบัวบก, ปุ๋ยไส้เดือนดิน, วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์
รวมทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชัน Museums Pool ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยว ในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นตัวช่วยในการชมพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนตัว เช่น มือถือ แท็บเล็ต เป็นต้น
ทั้งนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย ข้าราชการ และผู้ที่สนใจร่วมในงาน THAI TECH EXPO 2017 ระหว่างวันที่ 20 - 24 กันยายนนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งจะมีการจัดแสดงผลงาน ศักยภาพด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมฝีมือคนไทยกว่า 700 ผลงาน ที่พร้อมจะขับเคลื่อนสู่ภาคการผลิต เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 อีกทั้งมีกิจกรรมในงาน คือ การซื้อขาย เจรจาธุรกิจทั้งระดับชุมชน เอสเอ็มอี และธุรกิจขนาดใหญ่ด้วย ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจไปร่วมกันชื่นชม ร่วมมือ มันจะเกิดขึ้นได้ผลงานวิจัยต่างๆ ที่เราทำไว้มากมาย
2. กระทรวงยุติธรรมได้มีการติดตามกองทุนยุติธรรมในการที่จะช่วยเหลือประชาชนราว 3,000 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 150 ล้านบาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญา เป็นเงินรวม 600 กว่าล้านบาท ในการไกล่เกลี่ยหนี้ในชั้นบังคับคดี ในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง เพื่อเป็นการลดปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการบังคับคดี และทำให้เกิดความสมานฉันท์สามัคคีในสังคม รวมจำนวน 5,500 กว่าเรื่อง เป็นผลสำเร็จร้อยละ 87 รวมทั้งการป้องกันและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน ชุมชน กว่า 13,000 แห่ง เป็นต้น เรื่องยาเสพติดมีปัญหาทุกพื้นที่เลย ต้องลดลงให้ได้ ต้องขจัดให้หมดสิ้นไป วันนี้ได้เร่งรัดให้ฝ่ายความมั่นคง พลเรือนตำรวจ ทหาร ได้แก้ปัญหาเหล่านี้ เรื่องยาเสพติดให้ได้โดยเร็ว มันเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติทั้งทางตรง และทางอ้อม
3. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีการติดตามความคืบหน้าโครงการเน็ตประชารัฐ ซึ่งเรามีเป้าหมายจะส่งมอบ 24,700 หมู่บ้าน ภายในสิ้นปีนี้ ในสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งมอบได้กว่า 15,000 หมู่บ้าน เร็วกว่ากำหนดราว 4,000 หมู่บ้าน ซึ่งในพื้นที่ภาคกลาง มีเป้าหมาย 1,514 หมู่บ้าน ดำเนินการแล้วเสร็จเฉลี่ยร้อยละ 60 ซึ่งนับว่าเป็นไปตามแผน ในการพัฒนาระดับหมู่บ้าน ตำบล ที่รัฐบาลถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ ของการพัฒนาในทุกเรื่อง คือ เริ่มตั้งแต่ระดับฐานราก อันนี้ขอให้ส่วนราชการในพื้นที่ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย เมื่อมันเสร็จแล้ว ใช้ประโยชน์อย่างไร กลุ่มไหนบ้าง ช่องทางเป็นยังไง เพราะถ้าไม่เข้าใจทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ อย่าไปรอว่าทำเสร็จแล้วค่อยไปสอน ไม่ใช่ ต้องสอนเขาตั้งแต่วันนี้ไม่ว่าจะเสร็จหรือไม่เสร็จ เพราะมันจะต้องเป็นการเตรียมความพร้อมของประชาชนก่อน สำคัญที่สุด
พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ การพัฒนาในหลายทศวรรษที่ผ่านมา เรามุ่งเน้นพัฒนาให้เกิดการเติบโตแต่เพียงทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มันทำให้เกิด ความไม่สมดุล ขาดการบูรณาการ เราต้องสูญเสียความสมดุลไปในหลายมิติ เช่น
1. ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ทำให้เกิดการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยไม่จำเป็น ไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิภาพในการใช้
2. ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของรายได้ การเคารพกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมาย มันเลยทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าจะประชาชนด้วยกัน เจ้าหน้าที่ หรือในระดับรัฐ อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ เราพยายามแก้มาโดยตลอดก็ดีขึ้นมา มีนัยสำคัญนะครับ
3. ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี ซึ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โลกไร้พรมแดนก่อให้เกิดความแปลกแยก ล้าหลัง บางพวกอาจจะน้อยอกน้อยใจ มีผู้บิดเบือนอีก ก็เลยไปกับเจ้าหน้าที่หรือรัฐ อย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ เราพยายามแก้มาโดยตลอดก็ดีขึ้นมา มีนัยสำคัญ
เรื่องที่ 3 ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี ซึ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โลกไร้พรมแดนก่อให้เกิดความแปลกแยก ล้าหลัง บางพวกอาจจะน้อยอกน้อยใจ มีผู้บิดเบือนอีก ก็เลยไปกันใหญ่ ว่าตัวเองไม่ได้รับความสนใจ ไม่ได้รับการพัฒนา
วันนี้ รัฐบาลนี้เห็นว่าเราก็ต้องปรับทัศนคติ - มุมมองใหม่ สร้างหลักคิดใหม่ รัฐบาลนี้ได้น้อมนำศาสตร์พระราชาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาทำให้เกิดเป็นรูปธรรม ผมก็ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก กับการพัฒนาระดับฐานราก ตำบล หมู่บ้าน ซึ่งก็เหมือนกับการสร้างบ้าน สร้างเจดีย์ ที่ต้องใส่ใจกับความแข็งแรงของฐานราก ดังนั้น สิ่งที่เราต้องร่วมมือกัน เร่งดำเนินการ ก็ประกอบไปด้วย
1. การให้ความสำคัญกับสถาบัน การศึกษา นักเรียน นักศึกษา สำหรับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของพวกเขา ในมิติสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิด ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่น มีแผนการพัฒนาชุมชน ด้วยการกำหนดอนาคตของตนเอง หรือระเบิดจากข้างใน และให้ทุกคนในสังคมเล็กๆ นั้น ได้รับการดูแลอย่างมีระบบ และทั่วถึง ทั้งผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กกำพร้า และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ถ้าเราทำได้แบบนี้ ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด แม้กระทั่งปัญหาขยะ หรือความไม่เรียบร้อยของบ้านเมือง ก็จะไม่ถูกละเลย และทุกคนมีการเคารพกฎหมายที่เคร่งครัด ก็ไม่มีผลกระทบซึ่งกันและกัน
อันนี้ก็ฝากมหาวิทยาลัยราชภัฏด้วย ก็ขอให้ดูแลท้องถิ่นให้มากที่สุด ในพื้นที่ ทั้งเด็ก ทั้งครู อะไรต่างๆ ต้องไปศึกษาทำความเข้าใจกับพื้นที่ของตัวเอง ให้รักพื้นที่ รักภูมิลำเนาของตัวเอง ก็มาเรียนรู้ได้ แล้วก็กลับไปพัฒนาบ้านเมืองของตัวเอง
2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง 3 ลักษณะทางกายภาพ คือ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน น้ำ ไฟ คมนาคมขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ ทางสังคม คือ การศึกษา สาธารณสุข วัฒนธรรม จิตวิญญาณ และประชาธิปไตย ที่เป็นสากล และทางข้อมูลข่าวสาร คือ ฐานข้อมูลกลางภาครัฐ การเข้าถึงข้อมูล และการวิเคราะห์ Big Data สำหรับกำหนดยุทธศาสตร์ และนโยบายสาธารณะต่างๆได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
3. การเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์กองทุนต่างๆ ในระดับตำบล หมู่บ้าน อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทั่วถึงเป็นธรรม ไม่ทุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ก็เพื่อจะสร้างสังคมแห่งโอกาส ให้ทุกคนอ่านออกเขียนได้ มีอาชีพ มีรายได้ที่เพียงพอ เข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ เข้าถึงนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาตนเอง ทั้งนี้ เราต้องอาศัยการรวมกลุ่มทางสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความสามัคคี
นอกจากนี้ เราจะต้องสร้างสังคมแห่งปัญญา ควบคู่ไปด้วย ใน 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน และการออม ด้านดิจิตัล เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม และด้านการประชาสัมพันธ์ เพื่อการรับรู้และสื่อสารกันอย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ เหล่านี้ เป็นต้น
ทั้งนี้ สถานการณ์ในภาพรวมของประเทศในปัจจุบันนั้น ด้านเศรษฐกิจ ล่าสุด ตามหลักการ ตามวิชาการ หรือตามหลักเศรษฐศาสตร์ หลายอย่างปรับตัวดีขึ้น ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรในหลายหมวดปรับเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี หัวมันสำปะหลังสด ปาล์มทะลาย และยางแผ่นดิบ ก็มีราคาที่สูงขึ้นพอสมควร
ในด้านธุรกิจ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 แสดงว่าทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น นับเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี ที่ผ่านมา จากมาตรการของภาครัฐด้านภาษี เพื่อจะส่งเสริม และอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการ และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน สอดคล้องกับที่ U.S. News ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 1 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ด้วย นี่คือความเป็นจริง ฉะนั้นที่พูดๆกันอยู่ก็ขอให้ฟังทางผมบ้าง หลายประเทศก็ให้ความมั่นใจกับประเทศไทยในเวลานี้
ทั้งนี้ รัฐบาลก็จะเดินหน้าส่งเสริมในเรื่องของการลงทุนภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง อันนี้ผมก็เป็นกังวลกับประชาชนระดับล่าง ระดับฐานราก ซึ่งอาจจะยังไม่เชื่อมโยงตรงนี้ เราก็พยายามอย่างเต็มที่ ทั้งมาตรการในการช่วยเหลือ มาตรการในการกำหนดราคาข้าวเปลือก หรือสินค้าการเกษตร บางอย่างได้ตามพันธะสัญญาที่เราสามารถทำได้เอง ที่ไม่ไปละเมิด WTO อะไรต่างๆ เขาทำตามมาตรการเหล่านี้ นี่เป็นความแตกต่าง อย่ามาบอกว่าประชานิยมเหมือนกัน มันคนละเรื่องกัน
ถ้าอะไรก็ตามที่ทำได้แล้วไม่ขัดหลักการของ WTO หรือหลักการพันธะสัญญากับนานา ประเทศ ทำได้ทั้งหมด แต่ปัญหาคือ เราจะหาเงินจัดได้อย่างไร ผมก็พูดอีกข้างหนึ่งว่า ถ้าเราสนับสนุน ส่งเสริม เรื่องสาธารณสุข เรื่องการศึกษา เรื่องการเกษตรมากๆ เป็นสิ่งที่เราควรจะต้องทำ แต่จะทำอย่างไร ให้เขาเข้มแข็งได้ ไมใช่จะให้อย่างเดียว ไปเรื่อยๆ จนเขาเคยชินมากๆ แล้วถึงเวลา พอไม่ได้แบบนั้น ก็มีปัญหากับการบริหารราชการแผ่นดิน แบบนี้ไม่ได้ โทษเขาไม่ได้ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมา หลายๆรัฐบาลก็ไม่ได้คิดตรงนี้นะ อาจจะไปคิดในแง่ของการให้ความช่วยเหลือเสียมาก โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าเราจะหารายได้ที่ไหน
ที่ผมพูดหมายความว่า ผมบอกว่า ช่วงนี้เรายังไม่มีเงินมากพอที่จะทำให้มันดีมากกว่านี้อีกหลายเท่า แต่เราก็ทำให้มันดีขึ้น นโยบายการศึกษา แต่มันไม่ดีทั้งหมดหรอก ความต้องการ ความอ่อนแอมันมาก มันมากเกินไป เพราะว่ามันไม่ได้แก้อย่างเต็มระบบ ครบวงจร ในช่วงที่ผ่านมา วันนี้เราต้องแก้ไขวงจรเหล่านั้น คราวนี้เงินมันก็ต้องเพิ่มขึ้น เมื่อเพิ่มขึ้นผมก็บอกว่า วันนี้ถ้าทุกคนเรียกร้องทั้งหมด มันไม่มีเงินให้ จะมาบอกว่าให้ตัดตรงโน้นไปใส่ตรงนี้ ตรงนี้ไปใส่ตรงนั้น ตรงอื่นก็ไม่ต้องทำ มันก็ไม่ได้อีก ผมถึงต้องอธิบายต่อไปว่า เราต้องไปปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของเรา หารายได้เข้าประเทศ เก็บภาษีจากรายได้ใหม่เหล่านั้นให้มากยิ่งขึ้น การลงทุนใหม่ยิ่งมีราคาสูงมากยิ่งขึ้น เพื่อจะนำเม็ดเงินเหล่านั้นมาเติมตรงนี้ เพราะฉะนั้นหลายคนก็มาบิดเบือนว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับคนรายได้น้อย ให้ความสำคัญกับการซื้อของ ให้กับการลงทุนขนาดใหญ่ เอื้อประโยชน์กับคนมีรายได้มาก ทำนองนี้ มันก็ตีกันอยู่แบบนี้ ไม่มีประเทศไหนหรอกที่เขาจะเอาเงินไปทุ่มด้านใดด้านหนึ่ง อย่างเดียว มีมากน้อยตามความสำคัญไป แต่มันต้องทำทุกอัน ขอให้เข้าใจด้วย
ในส่วนของการส่งเสริมการลงทุน ที่ประชุม ได้อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม กว่า 28,000 ล้านบาท เมื่อสัปดาห์ก่อนนี้ ประกอบไปด้วย
1. โครงการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ทั่วไป เพื่อส่งออกต่างประเทศ
2. โครงการส่งเสริมการลงทุนในกิจการเขตอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก EEC
3. โครงการส่งเสริมการขยายกิจการผลิตเส้นใยไฟเบอร์กลาส เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดโลก ที่เพิ่มขึ้นทุกปี เหล่านี้เป็นต้น
สำหรับโรงงานในปัจจุบัน รัฐบาลนี้เข้ามาก็ได้มีการกำหนดชัดเจน ว่าเข้ามา ต้องลงทุนอย่างไร สร้างโรงงานภายในกี่ปี สิทธิประโยชน์ที่ได้รับถ้าไม่ทำตามห้วงเวลาดังกล่าวก็สามารถเรียกคืนได้ หรือทำอะไรที่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็หยุดการปฏิบัติได้ เรียกว่าปิดโรงงานทั้งชั่วคราว ปิดถาวรก็ได้ อันนี้มันต้องชัดเจน ไม่ใช่ไม่ได้มีมาตรการควบคุมอะไรต่างๆเหล่านั้น มันก็ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ มันเกิดขึ้นอย่างที่ผ่านมา แล้วก็ให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วย และมีการตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาได้ มีคนเข้ามาทำงานได้ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราต้องเปลี่ยนแปลง
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ภาครัฐก็ได้พยายามเร่งดูแลไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน หลายท่านก็เข้าใจว่าให้แต่บริษัทใหญ่ๆ บริษัทเล็กเราก็แยกกลุ่มออกมาเป็นเรื่องของ SMEs มันต้องเชื่อมโยงกับบริษัทใหญ่ได้อย่างไร ในเรื่องของการให้ทุน ในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา เหล่านี้มันต้องดูทุก Sector และก็ทุกเป้าหมาย ทั้ง ใหญ่ กลาง เล็ก ทั้งหมด
เราได้มีการสนับสนุนในเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ให้สะดวก ปัญหา SMEs ที่ผ่านมามันไม่ได้จัดระบบไว้ชัดเจน การขึ้นทะเบียนต่างๆก็ไม่ค่อยพร้อม หลักฐานทางบัญชีก็ไม่ค่อยเรียบร้อย การใช้เทคโนโลยีก็จำกัด วันนี้เราก็พยายามที่จะให้เขาได้มีการพัฒนาในเรื่องเหล่านี้ บางทีมันก็ติดปัญหาว่าหนี้สินเยอะ ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเหล่านี้ เราก็พยายามรันไปสู่จุดที่ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน เพื่อสามารถจะขอกองทุนได้ นำไปใช้ประโยชน์ได้ ในการลงทุนและปรับปรุงกิจการ ฟื้นฟูกิจการ ได้รวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ได้ปรับขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อในกองทุนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามแนวทางประชารัฐ ให้เร็วขึ้น ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้ คาดว่า จะสามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ กว่า 9,900 ล้านบาท
ส่วนที่ยังไม่ได้ก็ต้องไปดูว่าไม่ได้เพราะอะไร ด้วยกฎหมาย หรือความไม่พร้อม หรือศักยภาพ หรือด้วยสินค้า มันไม่น่าจะผลิต ผลิตออกมาแล้วมันไม่ได้ผล ไม่มีนวัตกรรมเหล่านี้ มันก็ต้องปรับปรุงตัวเองด้วย ไม่ใช่มาขอแล้วทุกคนต้องได้ทั้งหมด มีกติกา อย่าทำอะไรโดยไร้กติกา แล้ววันหน้าก็พังไปอีกเหมือนเดิม ใช้เงินไปสิ้นเปลือง สูญเปล่าอีก กู้ไปแล้วก็ต้องหาทางชำระหนี้ให้ได้ด้วย เราก็พยายามลดดอกเบี้ย อะไรต่างๆ พอสมควรแล้วนะ
นอกจากนี้ ก็มีเรื่องที่น่ายินดี คือ กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา ก็ได้ประกาศผลการจัดอันดับประเทศไทย ในเรื่องการใช้แรงงานเด็ก เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา สรุปว่าไทยจัดอยู่ในระดับที่ มีความสำเร็จมาก จากปีก่อนหน้า ที่ไทยเคยถูกระบุว่า มีปัญหาการบังคับใช้แรงงานเด็ก ในกิจการแปรรูปกุ้งและอาหารทะเล รวมถึงมีข้อจำกัดในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีพนักงานตรวจแรงงานไม่เพียงพอ และยังไม่สามารถสื่อสารในภาษาของชนกลุ่มน้อยได้เท่าที่ควร ปัญหาเหล่านี้ถ้าเราทำจริงๆ มันก็แก้ได้ แล้วทำไมไม่ทำมาตั้งแต่ต้น มันก็เสียเวลามาถึงวันนี้ กว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้
ในปีนี้สหรัฐฯ มองว่า เรามีความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างมาก ด้วยการปรับปรุงกฎหมาย ที่กำหนดอายุขั้นต่ำของการทำงานในภาคเกษตรและภาคประมงทะเล มีการเพิ่มโทษสำหรับผู้กระทำความผิด รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติ และคณะทำงานต่างๆ เพื่อจะดำเนินการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวและปัญหาค้ามนุษย์ อย่างเป็นรูปธรรม
อีกทั้งยังได้มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อจะขจัดและป้องกันการใช้แรงงานเด็กอย่างเต็มที่ และได้ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศในการจัดทำสถิติจำนวนแรงงานเด็กภายในประเทศด้วย
การประเมินครั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้กับไทยหลายข้อ แต่เราก็ได้ดำเนินการอยู่บ้างแล้ว และจะเร่งดำเนินการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อแก้ปัญหาที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดไปโดยเร็ว และช่วยให้ไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ไม่กีดกันทางการค้าขาย ระหว่างประเทศกับไทย ในอนาคตด้วย
สุดท้ายนี้ เนื่องด้วยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ วันที่ 28 กันยายนของทุกปีเป็น วันพระราชทานธงชาติไทย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย โดยให้เริ่มปีนี้เป็นปีแรกและปีนี้ครบรอบ 100 ปีของการประกาศใช้ ธงไตรรงค์ นอกจากจะเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และความเป็นชาติเอกราช อีกด้วย
ทั้งนี้ ผมขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทย ได้ร่วมภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย ที่มีลักษณะเฉพาะของเรา ซึ่งนอกจากยิ้มสยาม แสดงถึงน้ำใสใจจริงแล้ว ยังมีความซื่อสัตย์สุจริต เหมือน นายยิ่งยศ ศรีเกตุ และ นายไพโรจน์ แย้มกลีบ เจ้าหน้าที่ประจำรถขยะ จ.นนทบุรี ที่เก็บเงินสดได้ 200,000 บาท แล้วพยายามตามหาเจ้าของ
และการไม่ละความเพียร ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เหมือน คุณทองใบ ชัยสวัสดิ์ นักกีฬาว่ายน้ำสาวทีมชาติไทย ที่สามารถคว้าเหรียญทองแรกของไทย และ น้องเดฟ อภิสิทธิ์ ทาพรม ที่สามารถคว้าเหรียญทอง และทำลายสถิติอาเซียนในกรีฑา ระยะ 1,500 เมตรชาย ความพิการทางสมองในกีฬาอาเซียน พาราเกมส์ ที่มาเลเซีย ปีนี้ ได้สำเร็จ มีอีกหลายท่าน ถ้าติดตามข่าวการแข่งขันจะเห็นว่าเราได้เหรียญทอง ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ก็พยายามต่อไป คนได้แล้วก็แสดงความยินดีด้วย ที่เหลือก็ต้องพยายามต่อไป
ขอบคุณทุกคนที่เป็นนักกีฬาตัวแทนประเทศไทย ผู้สนับสนุน สมาคม ผู้อุดหนุนทีม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เจ้าหน้าที่ทุกคน ก็ขอให้คนไทยทุกคนเป็นกำลังใจ ช่วยกันชื่นชม และรักษาสิ่งเหล่านี้ ให้คงอยู่คู่บ้านเมืองของเราตลอดไป
อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของการที่เราจะขับเคลื่อนประเทศ ไปสู่วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เราจำเป็นต้องมีการส่งเสริม สนับสนุนการใช้ระบบดิจิตัล ทำให้ทุกอย่างมันรวดเร็วขึ้น รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดงาน Digital Thailand Big Bang ที่อาคารเมืองทอง อิมแพค อารีนา อันนี้ขอเชิญชวนทุกคน ช่วยไปดูด้วย ความทันสมัย โลกแห่งอนาคต และปัจจุบันก็ต้องมีการใช้อยู่แล้ว เราจะใช้ยังไง ทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ระบบไอที ระบบดิจิทัล
รัฐบาลได้ทำโครงสร้างอะไหล่เสริมเอาไว้แล้ว ท่านต้องเรียนรู้ตรงนี้ เมื่อรัฐบาลทำตรงนี้เสร็จ ก็ใช้ได้ทันที เพื่อจะเพิ่มรายได้ของตัวเองได้อีกทางหนึ่ง ในการใช้สติปัญญา ในการที่จะใช้ประโยชน์จากการขายสินค้าออนไลน์บ้าง การตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเหล่านี้บ้าง เพื่อจะไปสู่ SMEs แล้วก็โตไปสู่ธุรกิจใหญ่ต่อไป ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคน มีความสุขในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ปลอดภัยทุกคน สวัสดีครับ