ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประปาพัทยา ยันสถานการณ์น้ำดิบปี 60 ฉลุย หลังปริมาณน้ำมีมากกว่า 60% ส่วนในอนาคตเตรียมแผนรับโครงการ EEC ด้วยการกู้ 2,475 ล้านบาท สร้างโรงกรองเพิ่มอ่างฯ หนองปลาไหล จ.ระยอง ซึ่งจะผันน้ำเข้าสู่ระบบอีกกว่า 1 แสน ลบ.ม. และผันน้ำเพิ่มจากจันทบุรีจาก 40 ล้านเป็น 110 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี
วันนี้ (21 ก.ย.) นายสุทัศน์ นุชปาน ผู้จัดการสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคเมืองพัทยา เผยถึงสถานการณ์น้ำดิบที่อยู่ในความรับผิดชอบที่จะนำมาผลิตเป็นน้ำประปาเพื่อแจกจ่ายให้แก่ภาคประชาชน อุตสาหกรรม และสถานประกอบการต่างๆ ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า ปริมาณน้ำดิบในปี 2560 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจาก 5 อ่างฯ หลัก ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำหนองกลางดง ห้วยขุนจิต ห้วยสะพาน มาบประชัน และอ่างเก็บน้ำชากนอก มีปริมาณน้ำดิบแล้วกว่า 60% หรือประมาณ 25 ล้าน ลบ.ม.
เนื่องจากฝนที่ตกชุกในช่วงก่อนเข้าฤดูฝน โดยเริ่มมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน และกรกฎาคม ขณะที่ตลอดช่วงฤดูฝนก็มีฝนตกต่อเนื่อง จึงคาดว่าจะได้น้ำดิบเพิ่มอีกจำนวนมาก ถือว่าเพียงพอ และไม่มีปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จากปริมาณน้ำดิบที่มีอย่างเพียงพอ แต่การประปาส่วนภูมิภาคก็ยังไม่ผันน้ำจาก 5 อ่างเก็บน้ำหลักมาผลิตน้ำประปา เพราะต้องการกักเก็บไว้ให้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ได้ผันน้ำจากท่อส่งน้ำที่ต่อเชื่อมมาจากคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต จ.ฉะเชิงเทรา รวมทั้งอ่างเก็บน้ำบางพระ อ.ศรีราชา ไว้
“ซึ่งปีนี้ถือเป็นปริมาณน้ำมีมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีสัดส่วนถึง 80% ของความจุ จนต้องระบายน้ำทิ้งลงทะเลสู่ทะเลวันละ 5 แสน ลบ.ม. รวมทั้งการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ที่ต่อเชื่อมมาจากอ่างปะแสร์ จ.จันทบุรี ที่มีปริมาณน้ำล้นทิ้งทุกปีอีกกว่า 40 ล้าน ลบ.ม. ตามโควตา ทั้งนี้ แผนการสูบน้ำจากนอกพื้นที่แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ก็ต้องดำเนินการเพื่อให้สถานการณ์น้ำของเมืองพัทยา มีความเสถียรภาพ และลดปัญหาการขาดแคลน”
ทั้งนี้ ปัจจุบัน เมืองพัทยามีปริมาณการใช้อยู่ที่วันละประมาณ 1.8 แสน ลบ.ม. แยกเป็นการใช้เพื่ออุปโภคบริโภค จำนวน 1.4 แสน ลบ.ม. และปริมาณน้ำสูญเสียจากท่อแตก ท่อรั่ว อีก 25% หรือประมาณ 2 แสน ลบ.ม. รวมทั้งการส่งไปสนับสนุนในพื้นที่แหลมฉบังอีก 3 หมื่น ลบ.ม.ต่อวัน
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำดิบ และการผลิตเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชน และภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวถือว่าไม่ปัญหา แต่เนื่องจากรัฐบาลมีแผนดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งจะมีการส่งเสริมการลงทุนในการหลายด้าน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบลอจิสติกส์อย่างสมบูรณ์ ก็จะทำให้ปริมาณการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน และคาดการณ์ว่า จะมีการใช้น้ำประปาเพิ่มสูงขึ้นอีก 1 เท่าตัว หรือวันละกว่า 3.5-4 แสน ลบ.ม.ต่อวัน
“กรณีดังกล่าว การประปาส่วนภูมิภาคได้กู้เงินจากรัฐบาล จำนวน 2,475 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงกรองน้ำใหม่ บริเวณริมอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ซึ่งจะสามารถผลิตน้ำประปาเพิ่มได้อีก 1 แสน ลบ.ม.ต่อวัน ก่อนส่งต่อมายังเมืองพัทยาเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และปัจจุบันได้รับการอนุมัติงบประมาณแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของการจัดซื้อ จัดจ้าง คาดว่าจะดำเนินการประมาณ 2 ปี จึงจะแล้วเสร็จ”
นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความร่วมมือกับกรมชลประทาน ในการสูบน้ำเพิ่มเติมจากคลองวังโตนด จ.จันทบุรี เพื่อสูบน้ำดิบส่งมาใช้อีกปีละ 70 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะทำให้ปริมาณการสูบน้ำจากจันทบุรีมายังเมืองพัทยาเพิ่มขึ้นจาก 40 ล้าน ลบ.ม.เป็น 110 ล้าน ลบ.ม.ในอนาคต รวมทั้งแผนการเสริมสปีลเวย์รอบอ่างเก็บน้ำมาบประชัน เพื่อเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำจากเดิมที่มีความจุ 16.8 ล้าน ลบ.ม.เป็น 17.6 ล้าน ลบ.ม.ในปี 2562-2663 อีกด้วย