มติ ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวง พม.เสนอของบกลาง 804.705 ล้านบาท จ่ายให้ผู้ที่ลงทะเบียนโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ที่อยู่ในครัวเรือนยากจน
วันนี้ (5 ก.ย.) นายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา “เด็กเกิดน้อยด้อยคุณภาพ” มีพัฒนาการล่าช้า อันเนื่องมาจากความยากจน ทำให้ครอบครัวขาดโอกาสในการเลี้ยงดูบุตรได้อย่างมีคุณภาพ และรัฐบาลเล็งเห็นว่า การลงทุนเพื่อเด็กซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศนั้น..เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศชาติ ที่ความคุ้มค่า และมีความจำเป็น จึงผลักดันโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้เป็นนโยบายสำคัญระดับชาติ ในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามแผนบูรณาการ การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต และดำเนินงานตามนโยบายประชารัฐมาตั้งแต่ปี 2559
นายวิทัศน์กล่าวว่า จากสถิติอัตราการเกิดของเด็กไทยที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยปีละกว่า 600,000 คน และจากการคาดการณ์กลุ่มเป้าหมายของโครงการปีแรกในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 128,000 คน และในปีที่ 2 ของโครงการมีเด็กที่รับเงินต่อเนื่องจากปี 2559 รวมเด็กที่เกิดในปี 2560 ได้กำหนดเป้าหมายไว้จำนวน 200,000 คน
จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 เพิ่มเงินอุดหนุนฯจากเดือนละ 400 บาท เป็น 600 บาท ขยายระยะเวลาการให้เงินอุดหนุนฯจาก 1 ปี เป็น 3 ปี ตลอดทั้งมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 1 กันยายน 2560 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 376,578 คน ซึ่งเกินเป้าหมายในปี 2560 จำนวน 176,578 คน และในจำนวนนี้มีแม่ที่ลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ (ลงทะเบียนคนจน) ปีงบประมาณ 2559 จำนวน 63,120 คน
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ตลอดจนการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ซึ่งจะส่งผลให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และมีพัฒนาการที่สมวัย เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา อนุมัติ “งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้แก่ 1. ผู้มีสิทธิ์ แต่ยังไม่ได้รับเงินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน 2560 จำนวน 221,981 คน เป็นเงิน 613.450 ล้านบาท และ 2. ผู้ที่มาลงทะเบียนใหม่ จำนวน 129,077 คน เป็นเงิน 191.255 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวนเงิน 804.705 ล้านบาท
นายวิทัศน์กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นมาตรการให้หญิงตั้งครรภ์ได้เข้าถึงบริการสาธารณสุข และเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ส่งผลให้เด็กกว่า 376 ,578 คนที่อยู่ในเครือเรือนที่ยากจน เหล่านี้จะได้มีพัฒนาการสมวัย “เติบโตอย่างมีคุณภาพ” นำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
วันนี้ (5 ก.ย.) นายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา “เด็กเกิดน้อยด้อยคุณภาพ” มีพัฒนาการล่าช้า อันเนื่องมาจากความยากจน ทำให้ครอบครัวขาดโอกาสในการเลี้ยงดูบุตรได้อย่างมีคุณภาพ และรัฐบาลเล็งเห็นว่า การลงทุนเพื่อเด็กซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศนั้น..เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศชาติ ที่ความคุ้มค่า และมีความจำเป็น จึงผลักดันโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้เป็นนโยบายสำคัญระดับชาติ ในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตามแผนบูรณาการ การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต และดำเนินงานตามนโยบายประชารัฐมาตั้งแต่ปี 2559
นายวิทัศน์กล่าวว่า จากสถิติอัตราการเกิดของเด็กไทยที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยปีละกว่า 600,000 คน และจากการคาดการณ์กลุ่มเป้าหมายของโครงการปีแรกในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 128,000 คน และในปีที่ 2 ของโครงการมีเด็กที่รับเงินต่อเนื่องจากปี 2559 รวมเด็กที่เกิดในปี 2560 ได้กำหนดเป้าหมายไว้จำนวน 200,000 คน
จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 เพิ่มเงินอุดหนุนฯจากเดือนละ 400 บาท เป็น 600 บาท ขยายระยะเวลาการให้เงินอุดหนุนฯจาก 1 ปี เป็น 3 ปี ตลอดทั้งมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้ลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 1 กันยายน 2560 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 376,578 คน ซึ่งเกินเป้าหมายในปี 2560 จำนวน 176,578 คน และในจำนวนนี้มีแม่ที่ลงทะเบียนโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ (ลงทะเบียนคนจน) ปีงบประมาณ 2559 จำนวน 63,120 คน
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ตลอดจนการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ซึ่งจะส่งผลให้เด็กแรกเกิดได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และมีพัฒนาการที่สมวัย เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา อนุมัติ “งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้แก่ 1. ผู้มีสิทธิ์ แต่ยังไม่ได้รับเงินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน 2560 จำนวน 221,981 คน เป็นเงิน 613.450 ล้านบาท และ 2. ผู้ที่มาลงทะเบียนใหม่ จำนวน 129,077 คน เป็นเงิน 191.255 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวนเงิน 804.705 ล้านบาท
นายวิทัศน์กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นมาตรการให้หญิงตั้งครรภ์ได้เข้าถึงบริการสาธารณสุข และเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ส่งผลให้เด็กกว่า 376 ,578 คนที่อยู่ในเครือเรือนที่ยากจน เหล่านี้จะได้มีพัฒนาการสมวัย “เติบโตอย่างมีคุณภาพ” นำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป