วานนี้ (31ส.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท ซึ่งตามขั้นตอนทาง สนช.จะส่งร่าง พ.ร.บ.ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว ไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ทั้งนี้ สนช. ใช้เวลาในการอภิปราย และลงมติให้ความเห็นชอบเป็นรายมาตรา ตั้งแต่เวลา 10.00น.-14.00น.รวมประมาณ 4 ชั่วโมง
โดยร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ มีสาระสำคัญ คืองบประมาณรายจ่ายงบกลาง 97,823,525,500 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณในความควบคุมของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อาทิ ค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
สำหรับเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นอกจากจะมีการจัดสรรแยกเป็นรายกระทรวงแล้ว ยังจัดทำงบประมาณตามแผนงานด้วย เช่น งบฯสำหรับแผนงานบูรณาการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ 500,470,800 บาท งบฯแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 869,303,200 บาท งบฯแผนงานบูรณาการปฏิรูปกฎหมาย และพัฒนากระบวนการยุติธรรม 833,983,900 บาท งบฯแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 13,255,744,700 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ยังมีข้อสังเกต และข้อเสนอต่อการจัดงบฯด้วย เช่น การเสนอให้กองทัพบก ซึ่งมีสถานีวิทยุที่อยู่ในความดูแลจำนวนมาก ควรใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่มีการบิดเบือนอย่างทันท่วงที รวมทั้งควรใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล และใช้ในการขับเคลื่อนงานของกองทัพบก เนื่องจากประชาชนในต่างจังหวัด มีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาระ และควรจัดสรรเวลาเพื่อสื่อสารงานของกองทัพบกให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ 200 เสียง เห็นชอบร่างดังกล่าว โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวว่า ในนามของรัฐบาล ต้องขอขอบคุณสนช. ที่ให้ความเห็นชอบกับงบประมาณ โดยครั้งนี้ สนช.ได้ทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณ เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน การที่ สนช.ได้ให้ความเห็นชอบงบประมาณทั้ง 4 ครั้ง เมื่อมองย้อนถึงอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาประเทศ ที่ผ่านมาเป็นอย่างดี สำหรับงบประมาณปี 2561 รัฐบาลจะนำไปแก้ไขปัญหา และขับเคลื่อนประเทศไทย รวมไปถึงการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติในอนาคต โดยเฉพาะการแข่งขันกับต่างประเทศ และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
"รัฐบาลขอรับรองว่า งบประมาณทั้งหมดที่สนช. ให้ความเห็นชอบ รัฐบาลจะนำไปใช้อย่างคุ้มค่า บนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาล และวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป" นายวิษณุ กล่าว
โดยร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ มีสาระสำคัญ คืองบประมาณรายจ่ายงบกลาง 97,823,525,500 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณในความควบคุมของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อาทิ ค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
สำหรับเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นอกจากจะมีการจัดสรรแยกเป็นรายกระทรวงแล้ว ยังจัดทำงบประมาณตามแผนงานด้วย เช่น งบฯสำหรับแผนงานบูรณาการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ 500,470,800 บาท งบฯแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 869,303,200 บาท งบฯแผนงานบูรณาการปฏิรูปกฎหมาย และพัฒนากระบวนการยุติธรรม 833,983,900 บาท งบฯแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 13,255,744,700 บาท เป็นต้น
นอกจากนี้ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ยังมีข้อสังเกต และข้อเสนอต่อการจัดงบฯด้วย เช่น การเสนอให้กองทัพบก ซึ่งมีสถานีวิทยุที่อยู่ในความดูแลจำนวนมาก ควรใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่มีการบิดเบือนอย่างทันท่วงที รวมทั้งควรใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล และใช้ในการขับเคลื่อนงานของกองทัพบก เนื่องจากประชาชนในต่างจังหวัด มีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาระ และควรจัดสรรเวลาเพื่อสื่อสารงานของกองทัพบกให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเอกฉันท์ 200 เสียง เห็นชอบร่างดังกล่าว โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวว่า ในนามของรัฐบาล ต้องขอขอบคุณสนช. ที่ให้ความเห็นชอบกับงบประมาณ โดยครั้งนี้ สนช.ได้ทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณ เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน การที่ สนช.ได้ให้ความเห็นชอบงบประมาณทั้ง 4 ครั้ง เมื่อมองย้อนถึงอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาประเทศ ที่ผ่านมาเป็นอย่างดี สำหรับงบประมาณปี 2561 รัฐบาลจะนำไปแก้ไขปัญหา และขับเคลื่อนประเทศไทย รวมไปถึงการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติในอนาคต โดยเฉพาะการแข่งขันกับต่างประเทศ และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
"รัฐบาลขอรับรองว่า งบประมาณทั้งหมดที่สนช. ให้ความเห็นชอบ รัฐบาลจะนำไปใช้อย่างคุ้มค่า บนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาล และวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป" นายวิษณุ กล่าว