อดีต สปช. มอง “ยิ่งลักษณ์” หนีออกนอกประเทศ เหตุประเมินแล้วไม่รอดคุก เท่ากับทิ้งบทบาทการเมืองไปด้วย เพราะหนีไม่นับอายุความ แต่รับวินวินทุกฝ่าย หนีไปไม่ติดคุก รัฐบาลไม่ต้องเผชิญภาวะกดดัน สังคมสงบสุข ป้องรัฐทำหน้าที่แล้ว ไม่ได้หลับตาปล่อยหนี เพราะยังไม่ถูกศาลตัดสิน
วันนี้ (27ส.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน แกนนำเครือข่ายประชาบนปฏิรูปและอดีต สปช. กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีออกนอกประเทศ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงประเมินในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วว่า คงจะต้องโทษจำคุกแน่ เพราะกฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับที่ 3 ที่แก้ไขเพิ่มเติมปี 2558 มาตรา 74/1 ระบุว่า “ในการดำเนินคดีอาญาตามหมวดนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาลมิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และเมื่อได้มีคำพิพาษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98 มาใช้บังคับ” เมื่อเลือกการเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศเท่ากับว่าได้ทิ้งบทบาทหน้าที่และอนาคตทางการเมืองไปด้วย เพราะข้อกฎหมายนี้พูดภาษาชาวบ้าน คือ ไม่มีอายุความ หรือไม่นับช่วงเวลาที่หนีรวมเป็นอายุความ จึงต้องหนีตลอดไปแต่ทั้งนี้ต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลในวันที่ 27 ก.ย. ด้วย
“แต่ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า การหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย หรือ วิน วิน เพราะตัวเองหนีไปก็ไม่เสี่ยงติดคุก คสช. หรือรัฐบาลเอง ก็ได้ประโยชน์ คือ ไม่ต้องเผชิญภาวะการกดดันของมวลชนเสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่สำคัญคือ สังคมไทยก็สงบสุข ไม่มีการชุมนุมหรือความขัดแย้งในบ้านเมือง”
ส่วนที่สังคมตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์ว่า รัฐบาล คสช. หลับตาข้างหนึ่งหรือเปิดช่องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมต่อรัฐบาล และ คสช. เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในช่วงการต่อสู้คดี อยู่ระหว่างการประกันตัว ยังไม่มีสถานะตกเป็นผู้ต้องขัง คือ ยังไม่ถูกศาลสั่งให้มีความผิดว่าต้องจำคุกหรือไม่แต่อย่างใด ทั้งการหลบหนีก็ไม่มีสภาพการถูกออกหมายจับ แค่เจ้าตัวเกรงว่า อาจเสี่ยงต่อการถูกสั่งจำคุกเขาจึงเลือกหนีไป ซึ่งเมื่อหนีไปแล้วทางรัฐบาลจึงล้อมคอกสั่งให้มีการตรวจค้นหรือปิดด่านชายแดนต่างๆ ก็ถือว่ารัฐบาลทำหน้าที่เต็มที่แล้ว แต่ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีหลังจากที่ถูกศาลอ่านคำพิพากษาให้ดำเนินคดีให้มีความผิด และมีโทษจำคุก อย่างนี้น่าจะถูกต่อว่า ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่เช่นนั้น แต่ถูกสรุปสังคมเหมารวมไปแล้ว