อดีตแกนนำ 40 ส.ว. มอง “ยิ่งลักษณ์” หนีคดี ทำ “บุญทรง” และพวกช้ำเจอลวงเป็นหนังหน้าไฟ สะเทือนสถานะ พท. นายหญิงกลืนน้ำลายหมดมนต์ขลังความน่าเชื่อถือ เย้ยเอาน้ำยาอะไรไปปั่นหัวเสื้อแดง ดักตั้ง รบ. ผลัดถิ่นไม่ได้ เพราะโกงมีหลักฐาน
วันนี้ (27 ส.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต สปช. และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีศาลไม่มาฟังคำพิพากษาตามนัดหมายเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 60 จะมีผลอย่างสำคัญ คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวก ซึ่งรู้สึกชอกช้ำที่เป็นหนังหน้าไฟตลอดมา ซ้ำถูกลวงให้อยู่สู้เคียงข้างนาย ขณะนี้พวกเขาอยู่ในสภาพยากที่จะได้รับการประกันตัว ส่วนกรณีที่ลือกันว่าสองอดีตนายกฯผนวกกับข้าเก่าจะไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น หรือจะอาศัยเงื่อนไขครั้งนี้ไปเคลื่อนไหวทางสากล ว่า คุณยิ่งลักษณ์ ถูกรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมไทยนั้น จะไม่มีใครเชื่อ เพราะทุจริตจำนำข้าว มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก
นายประสาร กล่าวต่อว่า คดีที่ศาลตัดสินจำคุกบุญทรงกับพวก เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 60 นั้น ไม่เหลือพื้นที่แห่งหลักฐานใดๆ ที่จำเลยจะนำมาใช้ต่อสู้ทางคดีได้ โกงก็คือโกง จะเปลี่ยนโกงเป็นสุจริตไม่ได้ คำตอบของนายบุญทรง ที่พูดกับ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ว่า “กูพูดไม่ได้” นั้น คือ การสารภาพโดยนัยว่าโกงใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รู้ว่าศาลจะตัดสินเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ มีแต่จำคุกสถานเดียว และสิทธิในการอุทธรณ์ก็ยังสุ่มเสี่ยง เพราะ พ.ร.บ. พิจารณาวิธีความอาญาฯฉบับใหม่ที่ให้สิทธิอุทธรณ์ยังไม่ประกาศใช้ หนีคุกจึงเป็นทางเลือก
ทั้งนี้ การหนีศาลครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์สั่นสะเทือนสถานะของพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง ก่อนหน้านี้ คนของพรรคเพื่อไทยพากันยกย่องเชิดชูให้คุณยิ่งลักษณ์ เปรียบเสมือนวีรสตรีแห่งประชาธิปไตย ที่ยืนหยัดต่อสู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างทระนง องอาจ เทียบได้กับ อองซาน ซูจี แห่งเมียนมา แต่วันนี้กลับมาตระบัดสัตย์หนีศาลอย่างสิ้นศักดิ์ศรี ทำให้วิมานแห่งความศรัทธาสลายสิ้น พี่ชายเป็นนักโทษหนีอาญาแผ่นดินไปคนหนึ่งแล้ว น้องสาวก้าวเดินตามรอยเท้าพี่ชายไปอย่างหมดรูป ต่อแต่นี้จะเอาน้ำยาอะไรไปปลุกเร้าพลังสู้รบของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยในเมื่อนายใหญ่คนที่สองหมดมนต์ขลังแห่งความน่าเชื่อถืออย่างนี้