“ประสาร มฤคพิทักษ์” แนะสำนักงานอัยการสูงสุดประสานต่างประเทศจับกุม “นายทักษิณ ชินวัตร” ผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดินอย่างจริงจัง หลังพบว่า 9 ปีผ่านไปบินวนเวียนอยู่แค่ประเทศใกล้บ้าน แถมเย้ยหยันกระบวนการยุติธรรมไทยว่าไม่มีน้ำยา แถมยังให้ร้ายประเทศไทยเป็นประจำ
วันนี้ (24 ก.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงสำนักงานอัยการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานงานกลางภาคส่วนต่างๆ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ร่วมกับทางการสหรัฐอเมริกาจนสามารถจับกุมนายวิระพล สุขผล อายุ 36 ปี หรือพระเณรคำ ผู้ต้องหาในความผิด 5 ข้อหา ได้แก่ พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี, กระทำชำเราเด็กหญิง, ฉ้อโกงประชาชน, ความผิดฐานฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551 ว่าต้องขอชมเชยอัยการสำนักงานต่างประเทศที่สร้างผลงานได้ดีในครั้งนี้ และเรียกร้องว่าคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษกซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา 2 ปี ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำผิดด้วยการมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่น ตามกฎหมาย ป.ป.ช.ปี 2542 ซึ่งศาลตัดสินตั้งแต่ 17 ก.ย. 2551 นับถึงวันนี้เกือบ 9 ปีแล้วแต่ยังไม่สามารถส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้
นายประสารกล่าวต่อว่า เท่าที่ติดตามได้ทราบว่าสำนักงานเคยทำหนังสือแจ้งไปยังทางการของรัฐบาลบางประเทศที่เป็นถิ่นพำนักของนายทักษิณ แต่ก็ติดปัญหาทางเทคนิค เช่น เป็นประเทศคู่สัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ คดีความผิดระบุในสัญญาหรือไม่ ปัญหาที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน และยังมีปัญหารู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางของตัวผู้ร้ายเอง และอย่างที่รู้กันในบางยุคผู้มีอำนาจก็เป็นใจกับนักโทษหนีอาญาแผ่นดินคนนี้
“ในยุค คสช.จึงเป็นโอกาสดีที่เอื้อต่อการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของสำนักงานอัยการสูงสุดที่จะสร้างประวัติศาสตร์ส่งผู้ร้ายข้ามแดนคนสำคัญ ด้วยการประสานความร่วมมืออย่างจริงจังและมุ่งมั่นกับกระทรวงต่างประเทศในการแจ้งถิ่นที่อยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการชี้เป้ากับทางการของรัฐบาลถิ่นพำนักในการจับกุม เพราะในความเป็นจริง นักโทษคนนี้ก็วนเวียนอยู่ใกล้ๆ ประเทศไทย เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ลาว กัมพูชา เมียนมา ไกลกว่านั้นก็รู้กันดีว่าที่พักประจำคือดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมื่อเดินทางไปไหนก็เป็นที่รับรู้ของสื่อ ไม่ว่าไปอังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกา บรรดาบริวารก็เวียนไปหา ถ่ายรูปมาอวดกันเป็นว่าเล่น ไม่น่าที่จะตามหาตัวกันยากเย็นอะไรนัก” นายประสารกล่าว
นายประสารกล่าวต่อว่า ประเทศเหล่านี้ล้วนเซ็นสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทยแล้ว และแม้ว่าบางประเทศที่ไม่มีสัญญานี้ต่อกัน แต่ถ้ามีสัมพันธ์ทางการทูตก็ยังสามารถใช้ธรรมเนียมทางการทูตที่เรียกว่า “การตอบแทนต่างปฏิบัติ” คือถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันได้ด้วยการขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้
นายประสารยังกล่าวต่อว่า นักโทษคนนี้ไม่เพียงหนีอาญาแผ่นดินคดีที่ดินรัชดาฯ เท่านั้น แต่ยังถูกฟ้องอีกหลายคดีร้ายแรงดังที่ทราบกันทั่วไป 9 ปีแล้วที่บินวนเวียนอยู่แค่ปลายจมูก เย้ยหยันกระบวนการยุติธรรมไทยว่าไม่มีน้ำยาที่จะจัดการเขาได้ แถมยังให้ร้ายประเทศไทยเป็นประจำอีกด้วย ขอให้กำลังใจการทำหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดที่จะสร้างผลงานครั้งสำคัญนี้แบบที่ได้กระทำกับเณรคำมาแล้ว