คสช.ร้อนตัวปล่อยให้"ปู"หนี อ้างคสช.-รัฐบาล บริหารงานเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่ทำสิ่งที่อยู่นอกกรอบกระบวนการยุติธรรม ขณะที่สื่อนอกระบุ”ยิ่งลักษณ์” หนีไปที่นครดูไบแล้ว กำลังหาทางขอลี้ภัยในอังกฤษ หลัง”ทักษิณ” เจราจาผู้มีอำนาจ ขอเปิดทางให้หลบหนี แลกกับการหยุดการปลุกปั่นมวลชนในไทย "นิพิฏฐ์" เหน็บหน่วยงานรัฐ พร้อมใจใบ้กิน หลัง"ปู"เผ่นไปนอก จี้ผู้รับผิดชอบแจงสังคม เรียกคืนความเชื่อมั่นจากคนไทย-ชาวโลก "สุริยะใส" ติงแนวคิด "วิน-วิน" ส่งผลเสียต่อระบบยุติธรรมของประเทศ ด้านรองอธิบดีอัยการ ชี้ "ยิ่งลักษณ์" ไม่น่าจะขอลี้ภัยทางการเมืองได้ เหตุสู้คดีในศาลจนจบกระบวนการ เชื่อเลือกใช้วิธีพำนักประเทศที่ไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
วานนี้ (27ส.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีที่มีบางบุคคลให้ความเห็นผ่านสื่อฯ ถึงการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่ไปศาลเพื่อฟังการตัดสินคดี อาจมีการตกลงสมยอมกันระหว่างผู้ต้องหาและผู้มีอำนาจ ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาการบริหารงานของรัฐบาลและคสช. มีลักษณะเปิดเผย ตรงไปตรงมาไม่ทำสิ่งใดที่อยู่นอกกรอบของกระบวนการยุติธรรม ที่มีอยู่ในระบบ
"ความเห็นในลักษณะดังกล่าว ยังเป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคล ที่พยายามจะไปผูกเชื่อมโยงกันเอง ซึ่งไม่อยากให้มีการกล่าวหาพาดพิงกัน โดยอาศัยเพียงความคิดมุมมองเฉพาะตัว โดยที่ไม่มีหลักฐาน หรือข้อพิสูจน์ใดมาสนับสนุนความคิดนั้นๆ เพราะจะทำให้สังคมติดหล่มอยู่ในวังวนทางการเมืองแบบเดิมๆ ช่วงนี้ไม่อยากให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด ไปให้ความเห็นในลักษณะสร้างความสับสนให้สังคม เพราะบางครั้งอาจทำให้สังคมเข้าใจผิด จนมีผลกระทบไปถึงภาพลักษณ์ของบุคคล หรือองค์กรได้ "
ส่วนกรณีการไม่มาตามนัดศาล ของอดีตนายกฯ เป็นเรื่องของกระบวนการ หรือกลไกที่เกี่ยวข้อง จะได้ทำหน้าที่ไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมในระบบที่มีอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุด
**แฉ”แม้ว”เจรจาเปิดทางแลกหยุดป่วน
ด้าน เอเอฟพี เปิดเผยว่า แหล่งข่าวที่เป็นคนในคสช. เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันเสาร์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หลบหนีไปที่นครดูไบแล้ว และอาจกำลังหาทางขอลี้ภัยใน สหราชอาณาจักร
แหล่งข่าวรายนี้ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการหลบหนีของยิ่งลักษณ์ โดยระบุว่า เธอได้ขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวออกจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่นครดูไบ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของ "ทักษิณ ชินวัตร" พี่ชายของยิ่งลักษณ์
"ทักษิณเตรียมแผนหลบหนีให้น้องสาวมานานแล้ว เขาไม่ยอมปล่อยให้น้องสาวต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว" แหล่งข่าวที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน บอกกับนักข่าว เอเอฟพี
"แต่นครดูไบอาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางของยิ่งลักษณ์" แหล่งข่าวระบุ พร้อมทั้งบอกเพิ่มเติมว่า เธออาจกำลังหาทางขอลี้ภัยในอังกฤษ
ทั้งนี้ ทักษิณผู้เคยเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ มีบ้านอยู่ในกรุงลอนดอน และเคยใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานพอสมควร
ด้านแหล่งข่าวที่เป็นคนในพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนเช่นกัน ได้บอกกับนักข่าวของเอเอฟพี เมื่อวันเสาร์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อเดินทางไปดูไบ ในช่วงไม่กี่วันก่อนการตัดสินของศาล
ขณะที่แหล่งข่าวภายในประเทศกล่าวว่า กรณีการหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้นได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า และมีการเจราจากับผู้มีอำนาจ เพื่อเปิดทางให้ทำการหลบหนี แต่มีเงื่อนไขที่จะต้องแลกกับการหยุดการปลุกปั่นมวลชนในประเทศไทย
** จี้ตรวจสอบหาเส้นทางหลบหนี
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยต่างสงสัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นจำเลยในคดีสำคัญใช้เส้นทางไหนหลบหนีออกนอกประเทศไทย ทั้งที่เคยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐดูแลรักษาความปลอดภัยให้ในระดับหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาผู้มีอำนาจในเวลานี้ ก็เคยยอมรับว่าให้เจ้าหน้าที่ติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างใกล้ชิด แต่ปรากฏว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทุกฝ่ายต่างเงียบกันหมด เพราะคนที่ร่วมรู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนี ย่อมมีความผิดไปด้วยโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ
"หากเทียบกับคดีลักขโมยรถมอเตอร์ไซค์ ตำรวจต้องติดตามเช็กดูกล้องซีซีทีวี ในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ กับส่งคนลงพื้นที่สืบหาพยาน หรือคนเห็นเหตุการณ์ แต่กรณีนี้ทุกคนพร้อมใจกันเงียบ ตั้งแต่ระดับบริหาร อาทิ รองนายกฯวิษณุ เครืองาม หรือแม้แต่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ตอบไปคนละทางกับที่สื่อถาม ยิ่งตำรวจยิ่งแล้วใหญ่ เบอร์หนึ่งของสตช. ยังมอบหมายให้ระดับรองดูแล ทั้งที่คดีนี้เป็นคดีใหญ่ระดับชาติ และต่างประเทศจับตามอง ยิ่งเงียบก็ยิ่งสร้างความสงสัยต่อสังคมไทย สังคมโลก เพราะผู้หลบหนีเป็นถึงอดีตนายกฯ ที่ถูกกล่าวหาในคดีสำคัญ สร้างความเสียหายต่อประเทศ ทั้งที่ตามหลักปฏิบัติเบอร์หนึ่งของ สตช. ต้องนั่งแถลง เรียกความเชื่อมั่นต่อระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย หรือการติดตามผู้ถูกกล่าวหาในคดีสำคัญ เช่น สั่งให้ตรวจกล้องวงจรปิดหน้าบ้านคุณยิ่งลักษณ์ ที่มีมากมาย สั่งไล่ตรวจเช็กการบันทึกภาพตลอด 1 สัปดาห์ที่บ้านคุณยิ่งลักษณ์ ว่ามีรถคันไหนเข้าออก ผิดปกติ ขนอะไร ใครเข้าออก ก่อนวันที่ 25 ส.ค. เพื่อหาเบาะแสเส้นทาง และคนที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญ เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศ อย่าให้เข้าภาษิต ถี่รอดตาช้าง ห่างรอดตาเล็น เลย คนในสังคมจะยิ่งวิจารณ์ไปต่างๆนานา หาข้อยุติไม่ได้ " นายนิพิฏฐ์ กล่าว
** "ไพบูลย์"ชี้"ปู"หนี วิน-วินได้ทุกฝ่าย
นายไพบูลย์ นิติตะวัน แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และอดีต สปช. กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีออกนอกประเทศว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงประเมินในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วว่า คงจะต้องโทษจำคุกแน่ เพราะกฎหมายป.ป.ช. ฉบับที่ 3 ที่แก้ไขเพิ่มเติมปี 2558 มาตรา 74/1 ระบุว่า "ในการดำเนินคดีอาญาตามหมวดนี้ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ และเมื่อได้มีคำพิพาษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 98 มาใช้บังคับ"
เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ เท่ากับว่าได้ทิ้งบทบาทหน้าที่ และอนาคตทางการเมืองไปด้วย เพราะข้อกฎหมายนี้พูดภาษาชาวบ้านคือ ไม่มีอายุความ หรือไม่นับช่วงเวลาที่หนีรวมเป็นอายุความ จึงต้องหนีตลอดไป แต่ทั้งนี้ต้องรอฟังคำพิพากษาของศาล ในวันที่ 27 ก.ย.ด้วย
"ต้องยอมรับว่า การหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย หรือวิน-วิน เพราะตัวเองหนีไปก็ไม่เสี่ยงติดคุก ส่วนคสช.หรือรัฐบาลเอง ก็ได้ประโยชน์คือ ไม่ต้องเผชิญภาวะการกดดันของมวลชนเสื้อแดง และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่สำคัญคือ สังคมไทยก็สบงสุข ไม่มีการชุมนุมหรือความขัดแย้งในบ้านเมือง"นายไพบูลย์ กล่าว
**จวก"วิน-วิน"ทำระบบยุติธรรมพัง
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.)กล่าวว่า ปรากฏการณ์จากคดีจีทูจี และทุจริตจำนำข้าว ถือเป็นกรณีศึกษาที่ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้อย่างมีสติ และควรอ่านคำพิพากษาของศาลอย่างจริงจัง ก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์
โดยฉพาะคดีจีทูจีปลอมนั้น ชัดเจนว่า เป็นทุจริตแบบจัดตั้ง เพราะมีการออกแบบไว้อย่างเป็นระบบ มีทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการประจำ นักการเมืองภายใต้การบงการของอำนาจการเมืองขนาดใหญ่ที่ยังลอยนวลอยู่ จนมีคนได้ประโยชน์มหาศาล จากการทุจริตจีทูจีครั้งนี้
ส่วนกรณีการหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น ไม่ว่าจะได้ไฟเขียว หรือผู้มีอำนาจรัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่า พฤติกรรมดังกล่าว ท้าทายและทำให้ระบบยุติธรรมมัวหมอง ทำให้ทัศนคติที่ว่า คุกมีไว้ขังคนจนนั้น ยังเป็นจริงเสมอ แม้จะมีคนอธิบายว่า สูตรนี้วิน-วิน คือได้ทุกฝ่ายก็อาจใช่ในระยะสั้น แต่ระยะยาว จะส่งผลต่อศรัทธาของประชาชนที่มีต่อระบบยุติธรรมของประเทศ
**ชี้"ยิ่งลักษณ์"ลี้ภัยการเมืองไม่ได้
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด กล่าวถึง เรื่องการขอลี้ภัยไปต่างประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ไม่น่าจะสามารถกระทำได้ เนื่องจากมองว่า ยังไม่มีเหตุที่จะลี้ภัย ซึ่งในต่างประเทศ จะไม่มีการมองในเรื่องของการหนีคำพิพากษาของศาลเป็นเรื่องลี้ภัย ต่างจากกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถือโอกาสหลบหนีออกนอกประเทศ และขอลี้ภัยในระหว่างที่กำลังมีปัญหาบ้านเมืองไม่ปกติ จากการรัฐประหาร ถึงเเม้จะมีการไต่สวนพยานในศาลไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่จบกระบวนการ แต่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต่างกันและผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมากว่า 3 ปีเเล้ว
"เรื่องนี้ถือว่าเป็นคดีไปแล้ว และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต่อสู้มาตลอด จนแถลงการปิดคดีจนจบแล้ว และกระบวนการอยู่ในชั้นศาลที่มองว่าเป็นธรรมแล้ว จึงไม่น่าที่จะยื่นขอลี้ภัยได้ เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงจะใช้วิธีการเลือกที่จะไปประเทศที่ไม่มีการขอผู้ร้ายข้ามแดน เช่น เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือประเทศมอนเตเนโกร"
อย่างไรก็ตาม แม้ระหว่างที่เดินทางไปยังประเทศอื่นที่ไม่มีสนธิสัญญาขอผู้ร้ายข้ามแดน แต่ก็จะต้องผ่านประเทศที่เราสามารถขอผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่เราคงจะไม่สามารถยื่นคำร้องได้ทัน อย่างนายทักษิณ เองก็จะอยู่ประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นหลัก เวลาจะเดินทางไปญี่ปุ่น หรืออังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศที่เรามีสนธิสัญญา จะเป็นการลักษณะโฉบไป คือไปแล้วกลับ จะต่างจากนายราเกซ สักเสนา ที่ไปพำนักอยู่ในแคนาดา ไม่ขยับหนี จึงถูกล็อกตัว แต่เชื่อว่ากรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกไม่นาน คงถูกเพิกถอนหนังสือเดินทาง
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะสามารถยื่นเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ได้หรือไม่ นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งกรณีนี้จะต่างกับการทำเรื่องขอส่งผู้ร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งจะง่ายกว่า เพราะส่งหมายจับของศาลพร้อมหลักฐานไปประกอบ ก็สามารถทำได้ แต่กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ พอมาอยู่ในกระบวนการของศาล เราจะเอาตรงไหนไปยื่นในคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากเราจะต้องรออ่านคำพิพากษาก่อน ถ้าศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย เราก็เอาคำพิพากษาไปยื่นประกอบคำร้อง จึงจะมีเหตุที่เอาตัวมาลงโทษได้ เราก็ต้องรอศาลพิพากษาในตอนนี้ เฉพาะหมายจับของศาลกรณีที่หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ ส่วนอีกปัญหาหนึ่ง คือเราก็ยังไม่ทราบถิ่นที่อยู่ของจำเลย คล้ายกับกรณีของนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ที่คาดว่าจะใช้วิธีการเดียวกับนายทักษิณ คือ ไม่รู้พำนักอยู่ที่ไหนเป็นเวลานาน ซึ่งแม้จะแปลคำร้องเสร็จแล้ว ก็ไม่สามารถส่งได้ เพราะไม่รู้ถิ่นที่พำนัก