บริษัท ทีพีเคฯ โอดโดนกีดกันอดร่วมประมูล “ข้าวเสื่อม” สับกรมการค้าต่างประเทศสองมาตรฐาน ไม่ตัดสิทธิ์ 2 บ.ที่เพิ่งได้ตั๋ว รง.4 ผลิตอาหารสัตว์ เล็งฟ้องเรียกค่าเสียหาย งัด ม.157 เล่นงานผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ นบข.-อนุฯระบายข้าว-กรมการค้าต่างประเทศ ยันเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวการเมือง-คดีโกงจำนำข้าว
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล นายสุเมธ เลิศตันติสุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีพีเค เอทานอล จำกัด (บริษัท ทีพีเคฯ) แถลงข่าวกรณีที่บริษัท ทีพีเคฯ ถูกกรมการค้าต่างประเทศตัดสิทธิ์เข้าประมูลข้าวเสื่อมเพื่อการอุตสาหกรรมว่า เดิมบริษัท ทีพีเค ใช้วัตถุดิบมันเส้นในการทำเอทานอลเป็นหลัก แต่ก็ได้ทำการวิจัยและพบว่าข้าวก็ให้ผลผลิตแอลกอฮอล์ หรือเอทานอลได้ดีเช่นกัน เมื่อรัฐบาลชุดนี้มีภารกิจในการระบายข้าว 18.7 ล้านตัน ค้างสต๊อกจากรัฐบาลชุดก่อน รัฐบาลต้องเร่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ บริษัท ทีพีเค จึงสนใจและเข้าร่วมประมูลการยื่นประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนครั้งที่ 1/2560 ที่มีการประกาศผลไปเมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัท ทีพีเค เป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดใน 74 จาก 157 คลัง ปริมาณข้าว 5.25 แสนตัน ราคาเฉลี่ยตันละ 2,332 บาท แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจำหน่ายจากกรมการค้าต่างประเทศ รวมทั้งตัดสิทธิ์การเข้าประมูลข้าวเสื่อมเพื่อการอุตสาหกรรมในส่วนที่เหลือราว 2 ล้านตันด้วย บริษัท ทีพีเค จึงได้พยายามเรียกร้องขอความเป็นธรรมในการถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากเหตุผลที่กรมการค้าต่างประเทศอ้างว่าบริษัท ทีพีเค ขาดคุณสมบัตินั้นก็เกี่ยวกับกรรมการบริษัทรายหนึ่งเคยมีชื่ออยู่ในบริษัทที่เคยกระทำผิดสัญญากับภาครัฐ แต่ก็เป็นเรื่องเมื่อ 20 ก่อน เราจึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองกลางก็ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทั้งในส่วนข้าว 5.25 แสนตันที่บริษัท ทีพีเค เสนอราคาสูงสุด และอีกราว 2 ล้านตันที่กรมการค้าประเทศกำลังจะนำออกประมูล อย่างไรก็ตามทางกรมการค้าต่างประเทศก็ได้ยื่นอุทธรณ์ จนล่าสุดศาลปกครองสูงสุดก็มีคำสั่งยำคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวทำให้ กรมการค้าต่างประเทศ สามารถนำข้าวทั้ง 2 ส่วนออกประมูลได้อีกครั้ง
“พวกผมเคารพต่อศาล แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลปกครองสูงสุด แต่ก็ไม่ขอวิจารณ์คำพิพากษา เนื่องเห็นว่าการระงับโครงการระบายข้าวในขณะที่มีข้อพิพาทกันนั้นเหมือนสมดีแล้ว เนื่องจากการปล่อยข้าวเสียออกมาในช่วงนี้ อาจเป็นช่องทางของมิจฉาชีพที่จ้องจะนำข้าวดีไปผสมไว้กับข้าวที่เสีย"
นายสุเมธกล่าวต่อว่า ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทำให้บริษัท ทีพีเค เสียหายในทางธุรกิจกับสิทธิ์และมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่จะได้ตามมา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เราพยายามออกมาเรียกร้อง เนื่องจากเห็นว่าการที่ให้นำข้าวเสื่อมเพื่อการอุตสาหกรรมที่คนและสัตว์บริโภคไม่ได้นั้น อาจเป็นช่องทางให้มีการนำข้าวเสื่อมส่วนนี้ไปผสมกับข้าวคุณภาพดีออกขายให้คนบริโภค เรื่องนี้เสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนมากกว่า สาเหตุที่บริษัท ทีพีเค เป็นกังวลนั้นก็เนื่องจากมีข้อมูลว่ากระบวนการเสนอราคาซื้อข้าวภายใต้กำกับของ กรมการค้าต่างประเทศ นั้นมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติตัดสิทธิ์บริษัท ทีพีเค โดยอ้างว่าขาดคุณสมบัติ แต่กลับปล่อยให้บริษัทรายอื่นที่ขาดคุณสมบัติชัดเจนกว่าเข้าร่วมประมูลและชนะการประมูลไป จึงต้องการขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งจะพิจารณาดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้ระบุไว้ในคำสั่ง รวมไปถึงการรวบรวมหลักฐานข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว กระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนบางราย จนทำให้การระบายข้าวสต็อครัฐนั้นไม่โปร่งใสด้วย สำหรับการเข้าร่วมประมูลข้าวเสื่อมที่กรมการค้าต่างประเทศกำลังจะนำออกประมูลอีราว 2.5 ล้านตันนั้น ทางบริษัททีพีเคฯก็มีความสนใจเช่นเดิม หากแต่ติดว่ากรมการค้าต่างได้ประกาศว่า บริษัททีพีเคฯขาดคุณสมบัติ ซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อการร่วมโครงการของรัฐ
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทางบริษัทฯ มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่กำลังเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโครงการระบายข้าวนั้น นายสุเมธกล่าวยืนยันว่า เราเป็นนักธุรกิจ มุ่งแต่ทำการค้าขาย ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับทางการเมือง ไม่ว่าจะสีเสื้อใดเลย ตลอดจนไม่เกี่ยวข้องกับการพิพากษาในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเร็วๆ นี้แต่อย่างใด เพราะบริษัท ทีพีเค เพียงแต่อยากถามถึงเหตุผลที่เราถูกตัดสิทธิ์ ในขณะที่ยังมีบริษัทอื่นที่มีปัญหาสามารถเข้าซื้อขายในสต๊อกรัฐได้เท่านั้น
ด้านนายอธิษฐ์ พุ่มเข็ม คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย บริษัท ทีพีเคฯ กล่าวเสริมว่า หลังจากที่บริษัททีพีเคฯถูกตัดสิทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม ก็ได้รับมอบหมายให้เข้าไปศึกษาข้อมูลเชิงลึกของบริษัทเอกชนแต่ละรายที่เข้าร่วมเสนอราคาซื้อข้าวเสื่อมเพื่อการอุตสาหกรรม ก็ทำให้พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า มีบริษัทอย่างน้อย 2 จาก 13รายที่ชนะประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนครั้งที่ 1/2560 ที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามทีโออาร์ แต่กลับได้เข้าร่วมและชนะการประมูลด้วย คือ บริษัท กำแพงเพชรเอ็กซสปอร์ต จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไฟ เกียรติบุญครอง ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.กำแพงเพชร ทั้ง 2 บริษัท โดยเอกชน 2 รายนี้ได้ยื่นขอจดทะเบียนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) เพื่อขอประกอบกิจการอาหารสัตว์ ภายหลังจากมีการยื่นคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลข้าวต่อ กรมการค้าต่างประเทศ ไปแล้ว ทำให้ในขณะยื่นขอเข้าประมูลข้าวนั้นคุณสมบัติยังไม่ครบถ้วน
นายอธิษฐ์ได้แสดงหลักฐานที่เป็นหนังสือจดทพเบียนของทางราชการ พร้อมชี้ให้เห็นว่า บริษัท กำแพงเพชรเอ็กซสปอร์ต จำกัด มีใบ รง.4 เลขทะเบียน จ.3-15(2) -4/60 ได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2560 และเริ่มประกอบการเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2560 ส่วน หจก.โรงสีไฟ เกียรติบุญครอง ได้รับใบ รง.4 เลขทะเบียน จ.3-15 (2)-760 เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2560 และเริ่มประกอบการเมื่อ 7 ส.ค. 2560 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จากอุตสาหกรรม จ.กำแพงเพชร แต่โครงการระบายข้าวที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเข้าร่วมประมูลและชนะการประมูลนั้น ได้ประกาศโครงการเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2560 จำนวน 3.6 ล้านตัน เปิดให้เอกชนเข้ายื่นคุณสมบัติเมื่อ 22 มี.ค. 2560 ซึ่งมีกรมการค้าต่างประเทศเป็น ผู้พิจารณาคุณสมบัติ มีการเปิดประมูลเมื่อ วันที่ 23 มี.ค. โดยโรงสีกำแพงเพชร เอ็กซ์สปอร์ต ประมูลข้าวได้ 26,108 ตัน ส่วนโรงสีไฟเกียรติบุญครอง ประมูลข้าวได้ 94,271 ตัน โดยข้อมูลพื้นฐานของทั้ง 2 บริษัทก็ระบุว่า ต่างก็ประกอบกิจการเกี่ยวกับผลิตผลเกษตรกรรม อบพืชหรือเมล็ดพืช เท่านั้น ไม่ได้เป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ว่าด้วยโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ตามคุณสมบัติวัตถุประสงค์และประเภทอุตสาหกรรมที่จะนำข้าวสารในสต็อกของรัฐ จนเกรงว่าอาจจะมีการนำมาปนปลอมกับข้าวคุณภาพดี ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ ที่น่าเป็นห่วงคือ การพิจารณาของกรมการค้าต่างประเทศอาจเอื้อผลประโยชน์เรื่องคุณสมบัติของผู้เสนอซื้อ ที่มีการอนุมัติให้ผ่านคุณสมบัติทั้งๆ ที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัท กำแพงเพชรเอ็กซสปอร์ต จำกัด ได้เคยถูกนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า มีรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาลใช้เฮลิคอปเตอร์แบบ MI-17 ของกองทัพบก บินจาก กทม.ไปยังโรงเรียนเกาะตาล อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เพื่อไปตรวจสอบโรงสีข้าวของบริษัท โรงสีสนั่นเมือง จำกัด ที่ตั้งของบริษัท กำแพงเพชร เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด บริษัทที่เข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 โดยได้ยื่นเรื่องให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว