รองนายกรัฐมนตรี คาด ตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เสร็จสิ้น ส.ค. นี้ โอนกรมทรัพยากรน้ำ อยู่ใต้สำนักนายกฯ หวังสั่งงานดีขึ้น ปัดตั้งกระทรวงน้ำ โยนทีมปฏิรูปไปศึกษา เผย สธ.- สปสช. ยังไม่ได้ข้อสรุปปมจัดซื้อยาให้โรงพยาบาลรัฐบาล
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 18.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือเกี่ยวกับการตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ว่า การตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตามที่ คสช. เห็นชอบให้ใช้ ม.44 ตั้ง จะดำเนินการเสร็จภายในสิ้นเดือน ส.ค. นี้ โดยจะโอนกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาอยู่ภายใต้กำกับสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การสั่งงานดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา การสั่งการแก้ปัญหาใช้เวลานาน ขอย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลไม่ได้ตั้งกระทรวงน้ำ จากการตั้งกระทรวงน้ำถือเป็นแผนงานในระยะที่สอง ซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องไปศึกษา ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันกระจายอยู่ใน 10 กระทรวง มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 30 หน่วยงาน มี พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้อง 30 ฉบับ จึงเป็นเรื่องยากที่จะนำหน่วยงานทั้งหมดมารวมเป็นกระทรวง จึงดึงกรมทรัพยากรน้ำ มาอยู่ในสำนักงานทรัพยากรน้ำฯ ก่อน เพื่อวางนโยบายสั่งการในนามของนายกฯ ให้กลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการหารือร่วมกับ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เรื่องปัญหาการที่ สปสช. ไม่สามารถจัดซื้อยาให้โรงพยาบาลรัฐในปีงบประมาณ 2561 ว่า การหารือยังไม่จบ เพราะการที่ สปสช. เป็นผู้จัดซื้อยาเองถูกท้วงจาก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้โรงพยาบาล หรือองค์กรท้องถิ่น เป็นผู้ซื้อยา สปสช. เป็นเพียงผู้จ่ายเงินให้ ไม่ใช่เป็นผู้ถือเงินไปซื้อยา เมื่อถูกทักท้วง สปสช. ก็ยินดีเปลี่ยน แต่การให้โรงพยาบาลหรือท้องถิ่นจัดซื้อยา ทำให้กระบวนการล่าช้า จึงต้องหาทางออกร่วมกัน วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป มีทางเลือก 2 - 3 ทาง จึงมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ไปคิดเพิ่มเติมและรายงานตน 1 - 2 วันนี้ ยืนยันรัฐบาลยึดถือประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลักสำคัญ