xs
xsm
sm
md
lg

มติ สนช.ให้กรมทรัพยากรน้ำสังกัดสำนักนายกฯ ขอ ปชช.ติดตามข่าวพยากรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เผย กนช. มีมติให้กรมทรัพยากรน้ำ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี หวังทำงานมีเอกภาพ บูรณาการอย่างยั่งยืน คาดทำโดย ม.44 ขอ ปชช.ติดตามข่าวพยากรณ์ คาดฝนตกชุกน้ำท่วมฉับพลัน นายกฯ สั่งเร่งแก้จัดการน้ำอย่างมีระบบ

วันนี้ (9 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวรศาสตร์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 2/2560 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมมีมติให้กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างมีเอกภาพ มีการบูรณาการการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาการบริการจัดการน้ำ ต้องประสานงานหลายหน่วยงาน ดังนั้น การให้กรมทรัพยากรน้ำมาสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำให้สามารถรับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง เพื่อให้เกิดการประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ โดยการปรับเปลี่ยนครั้งนี้จะไม่มีอุปสรรค เพราะทางกรมมีโครงสร้างการทำงานในลักษณะนี้อยู่แล้ว ส่วนจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือไม่ จะต้องรอกระบวนการปรับเปลี่ยนตามกฎหมายที่ชัดเจนอีกครั้ง คาดว่ามีการออกคำสั่งตามมาตรา 44 มาดำเนินการและคงใช้เวลาไม่นาน

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์ฝนว่าปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีปริมาณฝนสะสมสูงกว่าค่าปกติ ร้อยละ 43 และจากการคาดการณ์ปริมาณฝนพบว่า เดือนสิงหาคม-กันยายนนี้จะมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก รวมถึงภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนในช่วงเดือนตุลาคมมีโอกาสที่พายุจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ หรือผ่านภาคใต้ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกชุกหนาแน่น ทั้งนี้ ต้องขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและรับฟังคำเตือนจากหน่วยงานราชการต่อไป

นายวรศาสตร์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการน้ำ ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงทั้งน้ำแล้ง และน้ำท่วมในทั้ง 4 ภาค รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร และการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงแผนป้องกันอุทกภัยเฉพาะพื้นที่ ให้แก้ไขปัญหาไม่น้อยกว่าร้อยละ 30-50 ในช่วง 2 ปีแรก (ปี 2560-2562) พร้อมทั้งเร่งจัดการสิ่งกีดขวางทางน้ำให้แล้วเสร็จ โดยให้ทุกหน่วยส่งข้อมูลให้ กนช.นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในหนึ่งเดือน นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ที่จังหวัดนครราชสีมาจะมีการหารือถึงแผนป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งระบบ เพื่อให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต








กำลังโหลดความคิดเห็น