ประชุม สนช.พรุ่งนี้ เตรียมเห็นชอบกฎหมายจับโกงนักการเมือง วางหลักจำเลยหนีอายุความไม่นับระยะเวลาในอายุความ และหากจำเลยหลบหายก่อนฟ้อง ให้อำนาจศาลรับฟ้องได้ทันที
วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) มีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวาระที่ 2 และ 3 ภายหลังคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มีนายภัทรศักดิ์ วรรณแสง สมาชิก สนช.เป็นประธานได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีการแก้ไขและเพิ่มเติมเนื้อหาในหลายประเด็นที่แตกต่างไปจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสนอมายัง สนช. อาทิ มาตรา 6 ว่าด้วยการกำหนดให้ศาลใช้ระบบไต่สวนค้นหาความจริง ทั้งนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญกำหนดว่าการพิจารณาของศาลต้องเป็นไปโดยรวดเร็วตามที่กำหนดใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้และข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้
มาตรา 9 กำหนดให้ผู้พิพากษาประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประธานศาลฎีกาต้องแต่งตั้งจากผู้พิพากษาในศาลฎีกาซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือผู้พิพากษาอาวุโสซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวนตามที่เห็นสมควร
ขณะที่หมวด 2 ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญา คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เพิ่มบทบัญญัติมาตราใหม่ คือ มาตรา 24/1 โดยกำหนดให้การดำเนินคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้เมื่อได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ให้อายุความสะดุดหยุดลง ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างการถูกดำเนินคดีหรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ ในกรณีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย ถ้าจำเลยหลบหนีไปในระหว่างต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ มิให้นำบทบัญญัติมาตรา 98 แห่งประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยอายุความมาใช้บังคับ มาตรา 26 คณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขโดยบัญญัติให้ในกรณีที่มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากผู้ถูกกล่าวหาไม่มาศาลโดยเกิดจากการประวิงคดี หรือไม่มาศาลตามนัดโดยไม่มีเหตุแก้ตัวอันควร ให้ศาลประทับรับฟ้องไว้พิจารณาได้ แม้จะไม่ปรากฏผู้ถูกกล่าวหาต่อหน้าศาล
นอกจากนี้ มาตรา 27 ยังบัญญัติว่าในกรณีที่ได้ออกหมายจับจำเลยแต่ไม่สามารถจับจำเลยได้ภายใน 3 เดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะตั้งทนายความดำเนินการแทนตนได้