ที่ประชุม สนช.พิจารณา พ.ร.ก.ประมง ฉบับที่ 2 รมว.เกษตรฯ อ้างของปี 58 ไม่สอดคล้องสภาพประมงพื้นบ้าน และพาณิชย์ รวมถึงมาตรการคุ้มครองแรงงาน ปรับปรุงบทลงโทษ ทำให้สอดคล้องรัฐธรรมนูญ ด้านสมาชิกแนะคุมส่งออกชายแดน ก่อนมีมติเห็นชอบ 200 คะแนน และงดออกเสียง 4
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ที่คณะรัฐมนตรีเสนอ โดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงเหตุผลของการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ว่า เนื่องจาก พ.ร.ก.การประมงปี 2558 มีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสภาพการทำประมงพื้นบ้าน และการประมงพาณิชย์ ทั้งหลักเกณฑ์ในการควบคุมและเฝ้าระวังการทำการประมงและการขนถ่ายสัตว์น้ำ การนำเข้าสัตว์น้ำ และการแจ้งข้อมูลการเข้าเทียบท่าของเรือประมง รวมถึงมาตรการในการคุ้มครองแรงงานในภาคการประมงยังไม่เหมาะสม สมควรปรับปรุงบทบัญญัติ ซึ่งส่งผลต่อการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลเพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสม สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ดำรงอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังปรับปรุงบทลงโทษ มีโทษปรับทางอาญาในการป้องกันระงับ และยับยั้งการกระทำผิด ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางทรัพยากรสัตว์น้ำและการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ อีกทั้งการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ก็สอดคล้องกับเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 26
จากนั้นสมาชิก สนช.หลายคนได้อภิปรายสนับสนุนหลักการร่าง พ.ร.ก. พร้อมทั้งแสดงความห่วงใยถึงผลกระทบของผู้ทำประมงพื้นบ้าน เรือที่ทำผิดกฎหมายจะดำเนินการช่วยเหลือเยียวอย่างไร โดยนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ สมาชิก สนช.กล่าวว่า เพื่อให้การควบคุมการประมงให้สมบูรณ์อยากให้มีการตรวจสอบย้อนกลับ ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมประมงได้คุมเรือ ท่าเทียบเรือ แต่ถ้าขาออก การบริโภคภายในประเทศ การส่งออก ด่านกรมศุลกากร แต่การส่งออกที่ผ่านตามชายแดนทางรถ ถ้ามีการควบคุมให้ดีก็จะแก้ไขปัญหาได้ ถ้าสินค้าขึ้นมาแล้วไม่มีทางไปก็ไม่สามารถไปได้อยู่ดี เรื่องนี้ได้ปรึกษากับรัฐมนตรีและอธิบดีหลายครั้งแล้วให้ทำเป็นรูปธรรม ถ้าสามารถจดทะเบียนผู้ประกอบการประมงทั้งหมดได้ทั้งนำเข้าและส่งออก จากนั้นก็ส่งรายชื่อไปยังกรมศุลกากร และด่านทั้งหมด เชื่อว่าจะควบคุมได้ทั้งหมด เพราะไม่ได้ลิดรอนสิทธิ์ใครเพราะเป็นไปตามกฎหมาย
“ปัจจุบันนี้มีพวกค้าขายโฉบเยอะมาก โดยเฉพาะต่างชาติเปิดซื้อขายและส่งออกไปดื้อๆ จุดนี้จะเป็นปัญหา สิ่งที่หนักใจ คือ การบริโภคภายในประเทศจะคุมอย่างไร แต่ผมเชื่อว่าถ้าคุมที่หัวได้ หางก็จะคุมได้ ผมเชื่อว่าการออก พ.ร.ก.ทั้งสองฉบับไม่ใช่เพื่อไอยูยูอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างความยั่งยืนการประมงของไทย” นายพจน์กล่าว
พล.อ.ฉัตรชัยชี้แจงว่า ตนไม่ให้ความสำคัญหรือสนใจต่อปัญหาใบเหลือง ใบแดง แต่ให้ความสำคัญต่อการทำประมงให้เกิดความยั่งยืน ลูกหลานเราในอนาคตข้างหน้าจะต้องมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ และการทำประมงต้องทำอย่างเหมาะสมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา ต้องทำให้การประมงพื้นบ้านมีความเหมาะสม รวมถึงประมงพาณิชย์ต้องเป็นที่ยอมรับของสากล เชื่อว่าแนวทางการทำประมงอย่างยั่งยืนของไทยน่าจะเป็นแนวทางเช่นเดียวกับอียูเหมือนกัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติรับรอง พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2560 ด้วยคะแนนเสียง 200 คะแนน และงดออกเสียง 4 โดยมีผล ให้ใช้บังคับเป็นกฏหมายต่อไป
