กกต.ระดมผู้แทนพรรคการเมืองสัมมนาปรับตัวรองรับกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ ชี้พรรคขนาดกลางถึงเล็กต้องปรับใหญ่ คาดเหลือพรรคดำเนินกิจการได้ไม่มาก วงประชุมเดือดแนะ กรธ.ปรับแก้เปิดทางปฏิบัติง่ายขึ้น
วันนี้ (6 ก.ค.) นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ด้านพรรคการเมือง กล่าวถึงการสัมมนายกร่างระเบียบและร่างประกาศตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่สำนักงาน กกต.จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทรา มาริส จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อระดมความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ กกต.และตัวแทนพรรคการเมืองว่า วัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนา คือ การจัดให้มีประกาศและระเบียบเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง ซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากเนื้อหาสาระของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง การส่งผู้สมัครในระบบไพรมารีโหวต ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้รองรับในส่วนของพรรคการเมืองเดิม 70 พรรคที่จดทะเบียนต่อ กกต.อยู่แล้ว แต่ในกฎหมายใหม่พรรคการเมืองจะต้องการประกาศอุดมการณ์พรรค เก็บค่าบำรุงสมาชิกพรรคปีละ 100 บาทต่อคน มีทุนประเดิม มีการจัดตั้งสาขาพรรค ซึ่งแต่ละกิจกรรมมีทั้งเงื่อนไขเวลาที่จะต้องปฎิบัติตามกฎหมาย เป็นภาระของพรรคการเมืองที่จะต้องปฎิบัติให้ได้ เนื่องจากแต่ละพรรคมีศักยภาพทีแตกตางกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของทุน งบประมาณในการทำกิจกรรม จำนวนสมาชิก ซึ่งทางพรรคมีส่มาชิกสูงถึง 2 ล้านคน ขณะที่บางพรรคมีจำนวนเพียง 1 แสนคน ดังนั้น พรรคแต่ละพรรคก็จะมีปัญหาแตกต่างกันออกไป และเป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคที่จะต้องดำเนินเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ โดย กกต.จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจสอบสมาชิกพรรค เนื่องจากปัจจุบันมีบางพรรคมีสมาชิกจำนวนมาก แต่ไม่สามารถระบุถึงตัวสมาชิกจริง
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายพรรคการเมืองใหม่ จะทำให้เหลือพรรคการเมืองที่สามารถดำเนินการกิจกรรมได้ไม่มาก เพราะการออกแบบการเลือกตั้งแบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว การส่งผู้สมัครแบบไพรมารีโหวต และรัฐธรรนูญที่กำหนดเรื่องการปฏิพรรคการเมือง เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พรรคการเมืองลดน้อยลงจากเดิม และพัฒนากลายเป็นสถาบัน ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น จากการที่เป็นตัวกำหนดผู้สมัครในระดับเขต
นายแสวงยอมรับว่าพรรรคการเมืองมีความกังวล เพราะแต่ละพรรคมีศักยภาพและการบริหารงานที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะพรรคขนาดกลางไปถึงขนาดเล็กที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับองค์ประกอบของกฎหมายใหม่มากที่สุด การสัมมนาที่ กกต.จัดขึ้นก็เพื่อมาทำความเข้าใจกับพรรคการเมืองว่าควรบริหารจัดการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสัมมนายกร่างระเบียบและร่างประกาศตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ระหว่างวันที่ 5-6 ก.ค.ที่ผ่านมาจะพบว่าตัวแทนสมาชิกพรรคการเมืองที่เข้าร่วมต่างแสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคของตนเองจะต้องปรับตัว เช่น การตั้งสาขาพรรค การเก็บค่าบำรุงสมาชิกพรรค การคัดเลือกผู้สมัครที่จะต้องดำเนินการในระดับเขตและสาขา องค์ประกอบของกรรมการสรรหา และประเด็นหัวหน้าพรรคที่สามารถลงสมัคร ส.ส.เขตได้หรือไม่ หรือต้องลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อเพียงอย่างเดียว เป็นต้น อย่างไรก็ตามมีข้อเสนอในที่ประชุมว่าควรมีการเสนอให้กรรมการร่างฯ ปรับแก้ถ้อยคำเพื่อให้ง่ายต่อการปฎิบัติ