“อภิสิทธิ์” ติง ม.44 จัดการแต่ชาวบ้าน แต่กลับไปเอื้อแต่พวกพ้องรัฐบาล

หัวหน้า ปชป.มองใช้ ม.44 ปมรถไฟไทยจีน-ส.ป.ก. ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม กลายเป็นเสพติดกับวิธีการไม่ต้องทำตามกฎหมาย รัฐบาล-ขรก.ทำผิดไม่ต้องรับผิดชอบ ต่างกับชาวบ้านที่ถูกจัดการ จนทำให้รู้สึกว่า ม.44 เอื้อแต่พวกรัฐบาล

วันนี้้ (22 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการใช้มาตรา 44 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ในกรณีรถไฟไทย-จีน ตนย้ำอีกครั้งว่าขณะนี้ที่มีการดำเนินการกันไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม ถ้าเราพูดถึงรถไฟไทยเราต้องเร่งทำรถไฟทางคู่ลงทุนเพื่อการขนส่ง และการโดยสารที่สะดวกสบายขึ้น แนวทางที่เหมาะสมคือให้ทุกฝ่ายทั้งประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนมาร่วมทุน และร่วมรับผิดชอบบริหารด้วยกัน ไม่ใช่แค่ว่าเราอยากมีรถไฟแล้วเอาใครก็ได้มาสร้าง เพราะว่ารถไฟต้องเชื่อมกันหมด แต่ว่าด้วยเหตุใดไม่ทราบรัฐบาลนี้พยายามทำโครงการนี้เหมือนว่าเป็นของไทย เพียงแต่ว่าให้ต่างชาติมาสร้างก็เลยกลายเป็นปัญหาติดขัดทางข้อกฎหมายและกลายเป็นเรื่องของวิชาชีพ ถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งไม่มีหลักประกัน อีกทั้งการจัดซื้อจัดจ้างกลายเป็นว่าไม่มีกฎกติกาใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากการพิจารณาตามดุลพินิจของคณะกรรมการ ก็ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า ส่วนการใช้มาตรา 44 เรื่อง ส.ป.ก.ตนเข้าใจว่าพยายามจะแก้ปัญหาที่เดินไปแล้ว แต่ว่าเบื้องตนอยากให้มีกติกาเรื่องการใช้ที่ดินให้ชัดเจนเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงานทดแทน เหมืองแร่ ปิโตรเลียม ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องทำการสำรวจมาทำโครงการเหล่านี้ก็ควรจะมีกฎหมายของแต่ละเรื่องว่าขั้นตอนการจะขออนุญาตรวมถึงการใช้ที่ดินที่มีหลายประเภทควรจะเป็นอย่างไร

“แต่ว่าทั้งสองเรื่องก็มีข้อคิดว่ามาตรา 44 กลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ภาครัฐไม่ต้องทำตามกฎหมาย เหตุผลที่ให้มักจะระบุว่าที่ดำเนินการไม่ได้เพราะติดข้อกฎหมายต่างๆ เยอะไปหมด กลายเป็นว่าถ้าเราเสพติดกับวิธีการแบบนี้ ข้าราชการหรือรัฐบาลทำผิดกฎหมาย ม.44 ก็ยกเว้นได้หมด แต่เมื่อเทียบกับกรณีของชาวบ้าน วันนี้ที่พวกเขาอยู่ริมน้ำ ชายทะเล หรือหมู่บ้านชาวประมง มาเจอกฎหมายหมายที่ระบุว่าพวกเขาเป็นผู้รุกล้ำลำน้ำ เราไม่เคยเห็นมี ม.44 ช่วยพวกเขาเลย หรือชาวไทยม้งที่ภูทับเบิก ที่เขาร้องเรียนว่าอยู่ที่นั่น ด้วยข้อตกลงกับรัฐบาลหลายๆ สมัยที่ผ่านมา แล้วบางช่วงทางจังหวัดบอกว่าเขาควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม หรือทำโฮมสเตย์ แต่มาตรา 44 คือไปรื้อของเขา ก็เลยมีความรู้สึกว่ามาตรา 44 เพื่อช่วยรัฐ หรือคนบางกลุ่มที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ อยากให้การแก้ปัญหามีความเป็นระบบ แล้วก็คำนึงความเป็นจริงของสังคม ผมไม่ได้ปกป้องนายทุน ถ้าพวกเขาทำผิดก็จัดการได้ แต่ถ้ามีผลกระทบต่อประชาชนที่มีความจำเป็น หรือมีที่มาที่ไป เราจะดูแลเขาอย่างไร”