“อภิสิทธิ์” แนะไทยอยู่บนความพอดี เอียงหาจีนหรืออเมริกาสุดโต่งไม่เหมาะ ไม่ขัดข้องจีนแจมรถไฟความเร็วสูง แต่ต้องร่วมรับผิดชอบตลอดทาง สมประโยชน์ทุกฝ่าย
วันนี้ (21 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้มาตรา 44 สร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเป็นความร่วมมือในระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงกับหลายประเทศ ตั้งแต่ตอนใต้ของประเทศจีน ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงเป็นการร่วมทุน แต่พอมาเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าเป็นโครงการของรถไทย ทุกอย่างเลยผิดไปหมด เริ่มตั้งแต่ว่าเส้นทางแทนที่จะเน้นการเชื่อมโยงกับของจีนก็ไปเป็นกรุงเทพฯ-โคราช แถมทำไปทำมาเป็นระยะทางเพียง 3 กิโลเมตรครึ่ง
“พอไม่ได้คิดในกรอบว่ามันเป็นรถไฟของภูมิภาค ก็มานั่งคิดเกี่ยงงอนกันเรื่องว่าเงื่อนไขเป็นอย่างนั้นอย่างนี้มั้ย แล้วก็ทำไปทำมาไปคิดว่านี่เป็นรถไฟไทย แต่จะเอาจีนมาสร้าง สุดท้ายกลายเป็นที่มาของมาตรา 44 ซึ่งก็มายกเว้นกฎหมายอยู่หลายฉบับ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า เรือดำน้ำรัฐบาลไทยซื้อจากจีน รถถังก็จีน รถไฟความเร็วสูงก็ยังจะให้จีนเป็นคนสร้าง นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ความใกล้ชิดระหว่างจีนกับรัฐบาลไทยในปัจจุบันนี้ต้องเข้าใจว่าภายใต้เงื่อนไขหลังรัฐประหารมา ฝ่ายตะวันตกเขาก็ทำตัวห่างเหินจากเรา และอาจจะมาเปลี่ยนแปลงตอนโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใดอย่างไร เพราะฉะนั้นความใกล้ชิดตรงนี้คงจะมีมากขึ้น จีนเองก็มียุทธศาสตร์เชิงรุกชัดเจน โดยมีความร่วมมือขยายบทบาทของเขาในภูมิภาค ดังนั้น ไทยต้องอยู่บนความพอดี เพราะเราเป็นมิตรทั้งจีน สหรัฐฯ และอีกหลายประเทศในตะวันตก ความพอดีคือคงจะไปเอียงสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งนั้นคงไม่เหมาะ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเราใกล้กับทางจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องคิดต่อไปว่าจะเสียสมดุลหรือไม่
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า อยากให้นายกฯ ทบทวนเรื่องนี้ให้ดี ตนนั้นเป็นคนที่สนับสนุนให้มีโครงการรถไฟไทย-จีน อาเซียน รถไฟความเร็วสูงในภูมิภาคนี้ ไม่ขัดข้องที่จะให้จีนเข้ามา แต่ว่าจีนต้องเข้ามาแล้วมาร่วมรับผิดชอบกับเราตลอดทาง ตั้งแต่ก่อสร้างไปจนถึงการวิ่งรถ แล้วแบ่งผลประโยชน์กันให้เหมาะสมซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายและทุกประเทศในภูมิภาคนี้
