รองหัวหน้าประชาธิปัตย์ นำทีมอดีต ส.ส.ใต้ โวย พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำ ทำชาวบ้าน 11 ล้านคนได้รับผลกระทบ ชี้เป็นตัวอย่างรัฐออกกฎหมายไม่รอบคอบ ขอนายกฯ ใช้ ม.44 แก้ด้าน อดีต ส.ส.ตรัง แนะขยายเวลาบังคับใช้ กำหนดเกณฑ์สิ่งล่วงล้ำชัดเจน ทบทวนนโยบายขัดแย้ง และค่าปรับ
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมอดีต ส.ส.ภาคใต้ แถลงถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากการบังคับใช้ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2560 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.2560 โดยกำหนดให้ประชาชนที่ปลูกสิ่งก่อสร้างรุกลำลำน้ำต้องไปแจ้งต่อกรมเจ้าท่าและเสียค่าปรับภายในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ว่า เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ประชาชนที่ทำผิดจะมีโทษจำคุกและมีโทษปรับ โดยมีประชาชนประมาณ 11 ล้านคนจะได้รับผลกระทบจากการปลูกสร้างรุกล้ำ เลี้ยงปลาในกระชัง ซึ่งประชาชนกำลังมีการรวมตัวกันเพื่อร้องเรียนให้รัฐบาลแก้ไข เพราะเป็นกฎหมายที่กระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนเป็นตัวอย่างความไม่รอบคอบและฝ่าฝืนวิถีชีวิตประชาชนโดยไม่มีการรับฟังความเห็นประชาชน หากอยู่ในภาวะปกติคงไม่สามารถออกกฎหมายแบบนี้ได้
“ผมเห็นว่าหากมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเร่งด่วนแล้วไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีปกติได้ทันก็ขอให้ใช้มาตรา 44 เพื่อให้เป็นคุณกับประชาชน เพราะหากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้แม้ว่าประชาชนจะดำเนินการตามกฎหมายด้วยการไปแจ้งก่อนกฎหมายบังคับใช้เพื่อขออนุญาตก็ต้องถูกปรับ และถ้าแจ้งหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ก็จะถูกปรับเป็นสองเท่า ด้วยอัตราค่าปรับที่สูงทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ด้านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียงกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาของกฎหมายฉบับนี้ในสี่จังหวัดชายฝั่งทะเลของประเทศไทยจากอ่าวไทยถึงฝั่งอันดามันได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้น จึงขอเสนอถึงรัฐบาล 4 ข้อ คือ 1. ให้รัฐบาลขยายการบังคับใช้กฎหมายออกไปก่อน 2. กำหนดหลักเกณฑ์การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำน่านน้ำที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นประมงชายฝั่งที่ฐานะยากจน และบางครั้งมีการกัดเซาะชายฝั่งจึงควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าบริเวณไหนชาวบ้านอยู่ได้และบริเวณไหนที่เป็นการล่วงล้ำ 3. ทบทวนนโยบายที่ขัดแย้งกัน เช่น เลี้ยงปลากระชัง ซึ่งกรมประมงส่งเสริมและกรมเจ้าท่าจับจะทำให้เดือดร้อน และ 4. ขอให้ทบทวนค่าปรับสูงถึงตารางเมตรละ 500-10,000 บาท เพื่อให้เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของประชาชน