ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เซ้งลี้เก้าอี้ตำรวจ“กากี่นั้ง”ซัดกันเละ “บิ๊กแป๊ะ”เทหมดหน้าตัก ย้อนศร“ป๋าป้อม”
เริ่มมาที่ปมร้อน กรณีที่ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) มาปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เมื่อ 12 มิ.ย. จากปม“เซ็งลี้”เก้าอี้ตำรวจระดับสูง ในพื้นที่ภาค 8 .. เป็นคำสั่งที่ร้ายแรง ถึงขั้น “ขาดจากตำแหน่งเดิม”หนักกว่าการถูกร้องเรียนตามปกติ ที่แค่โยกไปพ้นจากเก้าอี้ เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนโดยสะดวก .. เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อนหลายตลบ จริงๆ แล้วคำสั่งย้าย “ผู้การภาค 8”มีการตั้งเรื่องมาก่อนแล้ว พอดิบพอดีกับที่ "วิทยา แก้วภราดัย" อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตแกนนำ กปปส. ออกมาเปิดโปงว่า มีการซื้อขายตำแหน่งระดับสารวัตร ถึงรองผู้บังคับการ วาระประจำปี 2559 ที่เพิ่งประกาศไป โดยมีตัวเลขแต่ละตำแหน่งอยู่ที่ 5-7 ล้านบาท วงเงินไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน แถมหลายรายเจอ“แก๊งตกเบ็ด”จ่ายเงินไปแล้ว แต่ไม่ได้ตำแหน่งที่ตกลงกันไว้อีกต่างหาก .. แต่การให้ข้อมูลของ“วิทยา” ก็ตีขลุมกว้างๆ ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นพื้นที่ บช.ภ.8 แต่หวยก็มาออกที่“ผู้การภาค 8” ..ที่สำคัญยังมีข้อมูลว่า พล.ต.ท.เทศา ถือว่าเป็นคนสนิทของ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. อีกทั้ง บช.ภ. 8 ก็เป็นเขตอำนาจพิเศษอิทธิพลของ“กำนันเทือก”อยู่แล้ว จู่ๆ“วิทยา”คงไม่ออกมา“เผาบ้านตัวเอง”แบบนี้ .. ยิ่งไปกว่านั้น รู้กันดีว่า“กำนันเทือก”กับ “รัฐบาล คสช.”เป็นคอหอยกับลูกกระเดือกกันมาตลอด จึงไม่น่ามีอะไรที่ทำให้แตกคอกันได้รุนแรงขนาดนี้
การที่ พล.ต.ท.เทศา ถูกยิงลูกโดดร่วงจากตำแหน่งไป ก็เลยถูกอ่านว่าเป็นการเอาคืน“กำนันเทือก”ที่ปล่อยให้มีการออกมาโยนระเบิดใส่“วงการสีกากี” .. หรืออาจจะอ่านว่า “บิ๊กแป๊ะ”ที่โดนแซะเก้าอี้เบอร์ 1 กรมปทุมวันไม่เว้นแต่ละวัน เทหมดหน้าตัก ย้อนศรไปถึง“บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯความมั่นคง กำกับดูแล สตช. ที่เพิ่งตีมึนว่า ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจอย่างแน่นอน จากนั้นคำสั่งย้าย ผู้การภาค 8 ก็ถูกปล่อยออกมาตลบหลังไม่นาน
** กปปส.ทิ้งบอม“พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.” - “ผู้การโจ๊ก”แก้ตัวพัลวัน โยนขี้กลับ“ผบ.แป๊ะ”
แต่อีกมุมก็อ่านได้ว่า“ตั๋วกำนัน”อาจจะตกหล่น ไม่ได้อะไรๆ ที่คุยกันไว้ จึงส่งคนออกมาเด็ดหัว พล.ต.ท.เทศา ที่เคยปลุกปั้นอุ้มชูกันมาก่อน .. ล่าสุดในสังคมออนไลน์ก็มีการแชร์ “จดหมายที่อ้างว่าเป็นของตำรวจชั้นประทวนรายหนึ่ง”ส่งถึงนายกฯ และผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี ร้องเรียนพฤติกรรมของ“เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงรายหนึ่ง”ที่มีพฤติกรรมการเรียกรับเงิน เพื่อวิ่งเต้นตำแหน่ง สูงถึงหลักแสนถึงหลักล้าน .. เนื้อความบรรยายถึงผู้ร่วมขบวนการ“พ.ต.ต.หญิงรายหนึ่ง”และ “อดีตแคดดี้สนามกอล์ฟ” ที่มีฐานะเป็น “เมียน้อย”ที่ปัจจุบันรวยอู้ฟู่ จากวาระแต่งตั้งปี 2558 - 2559 .. เมื่อไล่เรียงจากผู้ที่อยู่ในวงการ ก็เอ่ยถึงตำรวจหญิงนางหนึ่งชื่อ "สารวัตรอุ๊”ที่มีข้อมูลว่าเป็น “ภรรยาลับ”ของ “บิ๊กตำรวจ”ที่เป็นเหตุให้ พล.ต.ท.เทศา ต้องตกพุ่มซวยในครั้งนี้
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น “วิทยา”ออกมาต่อยอดประเด็นว่า การเซ้งลี้ตำแหน่งตำรวจไม่ใช่มีแค่“ภาค 8”ที่เดียว เพราะ “นครบาล”เองก็ราคาพุ่งไปมากกว่าถึง 2 เท่าด้วยซ้ำ .. “มีตัวใหญ่อยู่ใน กทม. ที่คนวงการตำรวจรู้จักชื่อกันหมด เอาเป็นว่าประเทศนี้ พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.” อันนี้“วิทยา”ทิ้งบอมเอาไว้ .. ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา “พล.ต.ต.”คนที่รู้ตัวว่าถูกพาดพิง ถึงกับออกมาเปิดหน้า ปฏิเสธทันควัน .. “เดอะโจ๊ก”พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและ ปฏิบัติการพิเศษ (ผู้การ 191) ก็โยนระเบิดกลับไปให้“ผบ.แป๊ะ”ว่าอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายทั้งหลาย อยู่ที่ ผบ.ตร. .. คำของ“เดอะโจ๊ก”ผู้ที่รับรู้โดยทั่วกันว่าเป็น“น้องรักบิ๊กป้อม”ก็เล่นคีย์เดียวกับ “ป๋าป้อม”ไม่ผิดเพี้ยน ที่บอกว่าเรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องของ ผบ.ตร. แต่เพียงผู้เดียว .. ดูเหมือน “ป๋าป้อม”จะความจำสั้นขึ้นมากะทันกัน ทั้งที่วันก่อนยังปัดเหยงๆ ว่าไม่มีซื้อขายตำแหน่งอะไรแน่นอน ร้องหาใบเสร็จอยู่เลย พอมีการย้ายผู้การภาค 8 เท่านั้นแหละ ก็ทำขึงขัง จะฟันไม่เลี้ยงคนที่มีเอี่ยวซื้อขายตำแหน่งตำรวจ .. ความรู้สึกช้าไปนิด นะท่านนะ
** เลิกดำน้ำ!! “นายกฯตู่”ประเดิมคืนฟลอร์แขวะ“สาวปู”จ้างคนปั๊มยอดไลค์ กลบกระแส 4 คำถาม สุดแป้ก
กลับมายืนที่เดิม ที่ที่เคยคุ้นตา .. เมื่อวาน“นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ฤกษ์กลับมาประจำการที่โพเดี้ยมตัวเก่ง แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากที่“ดำน้ำ”เลี่ยงกระแสนิยมหัวทิ่ม ไปราว 2 สัปดาห์ ตามที่ได้ประกาศว่า จะงดให้สัมภาษณ์ระยะหนึ่ง .. แต่ 30 นาที ในการตอบคำถามสื่อมวลชน ก็เป็นไปอย่างรัดกุม ไม่ได้หวือหวาอะไร มีแค่ช้อตแวะไปแขวะ “คุณหนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เพิ่งขอบคุณแฟนเพจของตัวเองที่ยอดทะลุ 6 ล้านไลค์ เข้าให้แล้ว .. ตอกไปตรงๆ ว่าจำนวนไลค์ เชื่อถือไม่ได้ โยงกับคดีที่ตำรวจเพิ่งจับกุมผู้รับจ้างกดไลค์ชาวจีนเมื่อวันก่อน .. เอากับเขาสิ
ที่แวะไปถึงยอดไลค์ใน “เพจยิ่งลักษณ์”ก็คงรู้ตัวว่า รัฐบาล คสช. กำลังถูกเปรียบเทียบกับการเปิดให้ประชาชนตอบ 4 คำถาม ที่ “นายกฯตู่”ถามไป ที่ปรากฏว่า 2 วันแรก เงียบเชียบ ฟีดแบกไม่ค่อยดี .. พอกระแสไม่ดี “บิ๊กตู่”รีบออกตัวว่า ไม่ได้ให้ความสลักสำคัญอะไรมากมาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ป่าวประกาศไม่ต่างจาก “พ่อค้าหนังเร่” .. แค่ 2 วัน น่าจะสรุปบทเรียนได้แล้วว่า ปัญหาที่อีเว้นต์นี้ไม่ ตูมตาม น่าจะอยู่ที่“กระบวนการ”ที่ดูยุ่งยาก-ย้อนยุค สวนทางนโยบาย“ไทย
แลนด์ 4.0” แบบคนละเรื่องเลย ที่ต้องไปกรอกคำตอบใส่เอกสารที่เตรียมไว้ให้ แถมต้องแสดงบัตรประชาชน ยืนยันตัวตนก่อนอีก .. แบบนี้ก็คงได้ความเห็นประเภทแซ่ซ้องสรรเสริญ ประเภท "อยู่ต่อไปยาวๆ เลยครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน" .. ก็อย่างที่มีใครต่อใครตั้งข้อสังเกตว่า ใครมันจะทะลึ่งหาเรื่องให้ตัวเอง ไปด่านายกฯ ด่า คสช. พร้อมแนบบัตรประชาชน แบบนั้น .. ถ้าแน่จริง ต้องเปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็นแบบไม่ยืนยันตัวตน ยุค 4.0 ก็ต้องเปิดช่องทางออนไลน์ ไม่ต้องระบุชื่อเสียงเรียงนาม เชื่อเซ่ะ!! มีคนเข้ามาตอบคำถามถล่มทลายชัวร์ อยู่ที่กล้าหรือเปล่าเท่านั้น .. หรือถ้าตั้งใจอยากฟังคำตอบฝั่งเดียวให้ชื่นใจ ก็ตามสบาย ยาวปาย ยาวปาย .
ช.ชฎา