แกนนำเพื่อไทย ได้ทีจี้ สนช. โละองค์กรอิสระที่เหลืออยู่ให้หมด รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญ อ้างมาจากกติกาอื่นที่ไม่ใช่ รธน. ปัจจุบัน แต่ไม่แน่ใจสรรหาใหม่จะกล้าตรวจสอบ คสช. ตรงไปตรงมา เชื่อเซตซีโร่ กกต. อาจกลัวไม่เออออห่อหมกไปกับผู้มีอำนาจ
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบเซตซีโร่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า หลังจากที่ได้มีการถกเถียงกันด้วยเหตุผลต่างๆ นานา สนช. ได้ลงมติให้ กกต. ต้องเซตซีโร่ไปแล้วนั้น สิ่งที่ต้องทำให้ถูกต้องหลังจากนี้ ก็คือ การเซตซีโร่องค์กรอิสระที่เหลืออยู่ทั้งหมด รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลักการและเหตุผลที่ถูกต้องเรื่องนี้ คือ กรรมการองค์กรอิสระ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาจากการสรรหาและการแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 50 บ้าง รัฐธรรมนูญชั่วคราวบ้าง หรือ ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บ้าง ก็มี จึงต้องถือว่าผู้ดำรงตำแหน่งระหว่างนี้มาจากระบบกติกาอย่างอื่นที่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญปัจจุบัน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า องค์กรอิสระหลายองค์กร มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน และการเข้าสู่อำนาจ หรือการคงอยู่ในอำนาจ หากกรรมการในองค์กรเหล่านี้ที่มาจากการสรรหาหรือแต่งตั้ง ที่อาศัยอำนาจ คสช. หรือ รัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อาจแน่ใจได้ว่า องค์กรเหล่านี้จะตรวจสอบ คสช. และรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา และจะแน่ใจได้อย่างไรองค์กรเหล่านี้จะไม่เอื้ออำนวยต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งการมีรัฐธรรมนูญใหม่ คือ การวางระบบกติกาใหม่ เมื่อมีการกำหนดหลักเกณฑ์การสรรหาและการแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ ก็ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนั้น ดังนั้น หากรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ควรจัดให้มีการสรรหาและแต่งตั้งกรรมการขององค์กรเหล่านี้เสียใหม่ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การบอกว่า กรรมการองค์กรอิสระใดอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ ให้ดูว่าใครขาดคุณสมบัติ ดูการทำงาน หรือดูความจำเป็นเหมาะสมนั้น เท่ากับเป็นการจงใจให้เกิดการใช้ดุลพินิจของผู้อำนาจทั้งหลาย ที่ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ หรือการต่อรองของผู้มีอำนาจเอง องค์กรเหล่านี้ก็จะเสียความน่าเชื่อถือ ไม่เป็นกลาง และไม่เป็นอิสระ นอกจากนี้ หากเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นในอนาคต ก็จะเกิดความไม่ชัดเจนว่า ปัญหาเหล่านั้นมาจากระบบใด คือ จากรัฐธรรมนูญปี 50 รัฐธรรมนูญชั่วคราว คำสั่ง คสช. หรือรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกันแน่ ทั้งนี้ นอกจากองค์กรอิสระทั้งหลายแล้ว องค์กรที่ควรเซตซีโร่อย่างมากอีกองค์กรหนึ่ง แต่ยังไม่มีการพูดถึงกันมากนัก คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกับองค์กรอิสระ หรือไม่ก็ต้องใช้มาตรฐานสูงกว่าองค์กรอิสระด้วย เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 50 และปกติต้องมีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ องค์กรใดหรือบุคคลใดทำอะไรขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
“แต่เมื่อมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ถ้าศาลรัฐธรรมนูญจะยังคงอยู่ต่อไป ก็ต้องวินิจฉัยการรัฐประหารไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อไม่ได้วินิจฉัยการรัฐประหารขัดต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็สูญเสียสถานะความเป็นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรทำหน้าที่มาตั้งแต่มีการรัฐประหารแล้ว และยิ่งมีรัฐธรรมนูญใหม่ ยิ่งต้องสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ โดยใช้หลักเกณฑ์ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ได้คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ให้เรื่องต่างๆ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ควรให้คณะบุคคลที่ล้มเหลวในการรักษาความถูกต้องตามรัฐธรรมนูญฉบับที่แล้ว มาทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” นายจาตุรนต์ กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่ามีเหตุผลอะไร ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องการเซตซีโร่ กกต. นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ถ้าดูจากเหตุผลที่ใช้กันอยู่ ดูจากสภาพทางการเมือง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า มีการกลัวว่า กกต. ชุดนี้จะไม่ เออออห่อหมก กับผู้มีอำนาจ แต่อันนี้เป็นเรื่องของการใช้ดุลพินิจเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของการชอบหรือไม่ชอบ ถ้าตัดตรงนี้ออกไป คือ ต้องเซตซีโร่เสียทุกองค์กร ไม่ต้องดูว่า ผู้มีอำนาจพอหรือไม่พอใจการทำงานขององค์กรใด ให้เป็นเรื่องของเมื่อมีระบบใหม่ก็ควรได้องค์กรตามระบบใหม่นั้นๆ แม้ว่า ระบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันก็ไม่ได้ทำองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ มีความยึดโยงกับประชาชนแต่อย่างใด แต่เมื่อมีระบบใหม่แล้ว ก็ควรให้ระบบใหม่ทำงาน และถ้าไม่ดีคนจะได้รู้ว่าระบบใหม่มีปัญหาอย่างไร