ข่าวปนคน คนปนข่าว
ยังไม่จบง่ายๆ แฮะ .. แม้ “สาวเปรี้ยวและทีมงาน” ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพ จะเข้าไปนอนในคุกแล้ว แต่ก็ยังทิ้งเชื้อดรามาไว้พอสมควร โดยเฉพาะใน “สถาบันสีกากี” กับคอมเมนต์ของ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่ออกมาเบรก “พี่น้องชาวสีกากี” ที่ไปร่วมลงชื่อเป็นชุดจับกุม “เปรี้ยว - เอิร์น - แจ้” หยั่งกะกรรมการผ้าป่าเกือบร้อยชีวิต ว่า อย่าคิดตื้นๆ เอาไปเคลมผลงานขอ 2 ขั้น ตามประสาคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ครั้งที่ได้ “สองเด้ง” นับอาวุโสทวีคูณจากการไปประจำในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ก็เลยว่าวไปซื่อๆ ว่า มันบ่ได้ดอกนาย!! .. ยังไม่พอ มีประเด็น “ปาดหน้าเค้ก” แย่งผลงานไล่ล่าจับกุมตัว “ทีมสาวเปรี้ยว” ที่ไปกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ระหว่าง “กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4” (บช.ภ.4) เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุฆาตกรรม กับ “สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง” (สตม.) เจ้าของสัมปทานด่านชายแดน อีกด้วย
เบื้องหลังมีการหักเหลี่ยมเฉือนคมของตำรวจต่างหน่วยกันอุตลุด .. ข้อมูลจากคอลัมน์ “บิ๊กเกรียน เขย่าสีกากี” ในเว็บไซต์ “Manager Online” บอกว่า ก่อนจะได้ตัวผู้ต้องหา “ตำรวจภาค 4” ได้ส่งมือดีข้ามแดนไปหาข่าว - หาตัว “เปรี้ยวแอนด์เดอะแก๊ง” ถึงฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ที่สำคัญ กำลังจะตะครุบตัวได้แล้ว ติดอยู่ก็แต่เป็นการปฏิบัติภารกิจนอกราชอาณาจักร ซึ่งโดยมารยาท - กฎหมาย ไม่สามารถทำได้ จนถูกทีมงานตำรวจที่มี 3 นาย ถูก “ล็อกตัว” ในฐานะผู้บุกรุก - จารกรรมข้อมูล ก่อน “บิ๊กสองประเทศ” จะต่อสายเคลียร์กันจนได้รับการปล่อยตัว แต่พอ “3 ตำรวจเดนตาย” ข้ามแดนกลับมา จะขอเข้าไปใน สตม. ก็ยังถูกกีดกัน จนต้องปีนหน้าต่างเข้าไปเพื่อร่วมสอบสวน “แก๊งสาวเปรี้ยว” เอากับเขาสิ
นอกจากข้อมูลลึกสุดใจของ “บิ๊กเกรียน” แล้ว ยังมีการชำแหละให้รู้เช่นเห็นชาติว่า “บิ๊กตำรวจ” ที่ถนัดเอาหน้ามากกว่าผลงานมันเป็นยังไง โดยเฉพาะรายของ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการ สตม. ที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งเด้ง “2 ตร. เซลฟี” ลูกน้องในสังกัดไปเรียบร้อยแล้ว ลดกระแสก่นด่าตำรวจ แต่ตัวเองก็ใช่ย่อยควบเครื่องบินฟอกเกอร์ไปเดินยิ้มแฉ่งเป็นแบ็กกราวนด์ให้ “เปรี้ยวแอนด์เดอะแก๊ง” ถึงด่านแม่สาย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง .. ตรงกันข้ามกับ พ.ต.ต.ไพรวัลย์ อายุวงษ์ สารวัตรสืบสวนสังกัด บช.ภาค 4 มือปราบชุดฉลามดำ ที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตข้ามแดนไปล่า 3 สาวมือสังหารโหด กลับไร้ชื่อในบันทึกการจับกุม ซ้ำร้ายพอโพสต์แต่งตั้งโยกย้ายตำรวจงวดล่าสุดออกมา ก็ยังถูกสไลด์แบบ “ลดเกรด” จากภาค 4 ที่คุมหัวเมืองแถบอีสาน ไปเป็นสารวัตรปราบปรามอยู่นู้น สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี อีกต่างหาก
“บิ๊กเกรียน” เหลาจนแหลมอีกว่า ตัวละครสำคัญที่ไม่มีการเอ่ยถึงใดๆ ในการแถลงข่าวจับกุม “ทีมสาวเปรี้ยว” หรือจนถึงขณะนี้ ก็คือ “ไอ้เก้า” ธวัชชัย อ้อมชมพู ที่ติดหมายจับตำรวจไทย และมีข้อมูลว่าพัวพันขบวนการค้ายาข้ามชาติ ซึ่งเป็นคนนำทาง “แก๊งอีเปรี้ยว” หนีข้ามฝั่งไปหลบอยู่ในปีก “ว้าแดง” ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้ .. ข้อมูลของทีมสอบสวนระบุด้วยว่า ความสัมพันธ์ของ “ไอ้เก้า - แก๊งอีเปรี้ยว” เป็นทั้ง “คู่ค้าส่งยา” และ “คู่ขายามวิกาล” โดยก่อนหน้าที่ “เปรี้ยว - เอิร์น - แจ้” จะตีรถขึ้นเหนือก็ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจาก “ไอ้เก้า” ก่อนที่จะเลือกฝากชีวิตไว้ในมือของ “เอเยนต์ยานรก” แทนจะชิ่งหนีไปฝั่งลาวกับ “วศิน” ผู้ต้องหาชายหนึ่งเดียวในคดีฆ่า “น้องแอ๋ม” เป็นกุญแจไขข้อข้องใจว่า เหตุใดชาวคณะที่เพิ่งโพสต์ภาพประสานมือร่วมเป็นร่วมตายลงโซเชียล จึงแยกย้ายไปคนละทาง
การบ้านที่ตำรวจไทยต้องทำต่อ คือ การติดตามตัว “ไอ้เก้า” กลับมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะตำรวจน่าจะรับรู้ถึงระดับความสำคัญของ “ไอ้เก้า” ที่เป็นข้อต่อวงจรค้ายาจากชายแดนมาสู่หัวเมืองใหญ่ในไทยอย่างเป็นระบบ .. หากไม่สำคัญ “ว้าแดง” คงไม่ต่อรองขอส่งตัวเฉพาะ “เปรี้ยว - เอิร์น - แจ้” แลกกับการที่เจ้าหน้าที่ไทยต้องไปเกาะแกะกับ “ไอ้เก้า” หรอก .. รู้อย่างนี้ “บิ๊กตำรวจ” ที่โผล่หน้าสลอนเมื่อตอนจับ “แก๊งอีเปรี้ยว” ได้ อย่าทำเนียน “ตัดตอน” ให้เหลือเพียงคดีฆาตกรรมสยอง โดยจงใจที่จะไม่กล่าวถึงเครือข่ายค้ายาเสพติด - วงการค้ากาม ที่ผู้ต้องหาสาวพัวพันอยู่แม้แต่น้อย ถ้ายังทำนิ่งก็อดนึกถึงคำถาม “มีตำรวจไว้ทำไม” ไม่ได้ มาทรงนี้ไม่ต้องปฏิรง..ปฏิรูปอะไรแล้ว ยุบๆ ไปเลยดีกว่าไหม??
ฟอร์มดีต่อเนื่อง “วงการสีกากี” มีเรื่องให้เมาท์ ให้เมนต์ไม่เว้นแต่ละวัน .. วันก่อนเพิ่งเห็นข่าว คำสั่ง สตช. แต่งตั้งตำรวจประจำปี 2559 คนอื่นยังไงไม่รู้ พากันตะลึงพรึงเพริดกับชื่อของ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็น สารวัตรฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธร (สว.ฝอ.บก.ภ.) จ.สมุทรสาคร จ่อขึ้นไปกินตำแหน่ง “นายพันตำรวจ” ในไม่ช้า .. เป็น ดวง อยู่บำรุง ลูกชายคนเล็กของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้โด่งดัง น้องชาย วัน อยู่บำรุง ที่เพิ่งไปขนพวงมาลัยไปขมา “นายกฯตู่” ถึงทำเนียบ หลังทำห้าวโพสต์ไล่ให้ “บิ๊ก คสช.” ไปตายซะ เมื่อสัปดาห์ก่อน .. เป็น ดวง อยู่บำรุง ที่เคยมีเรื่องใหญ่โตในคดี “ไอ้ปึ๊ด” ที่ยิงตำรวจเสียชีวิตกลางผับดัง จน “ลูกดวง” ต้องเผ่นไปต่างแดนร่วมปี ทั้งที่ก็บอกว่าตัวเองไม่ใช่ “ไอ้ปึ๊ด” มือก่อเหตุ พอเรื่องซาก็ได้บารมีพ่อกลับเข้ารับราชการทหาร แล้วข้ามห้วยผลัดเครื่องแบบมาเป็นสีกากี ในยุคที่ “พ่อเหลิม” เป็นรองนายกฯ คุม สตช. จนมีเสียงวิจารณ์ดังอื้ออึง และเสียงวิจารณ์ในวันนั้นก็ย้อนกลับมาดังกระหึ่มในวันนี้อีกครั้ง .. ที่น่าสนใจไม่ใช่เรื่องตำแหน่งที่ “สารวัตรดวง” ได้รับ ซึ่งไม่น่าจะเหมาะสมกับความสามารถด้านการแม่นปืนที่คนพ่อเคยคุยฟุ้งทั่วคุ้งแควเท่าไร แต่ต้องโฟกัสไปที่ “พิกัด” ที่ได้โยกมาลงหลักปักฐานมากกว่า เพราะมันสะท้อนว่า “สารวัตรเหลิม” ที่แม้จะเป็นคนขั้วอำนาจเก่า แต่ก็ยังมีอิทธิพลหลงเหลืออยู่ เห็นว่าอยากจะหยิบวาง “คนสนิท -ญ าติพี่น้อง” ลงประจำ สน.ละแวกฝั่งธนฯ หรือจะข้ามไปถึง สภ.สมุทรสาคร ที่มีชายขอบติดโซนบ้านริมคลอง ย่านบางบอน แบบใครจะมาใครจะไปจัดแจงได้ตามใจชอบ .. ช่างสมเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายในยุค คสช. ที่เป็น “สุดยอดธรรมาภิบาล” โดยแท้
ช.ชฎา