xs
xsm
sm
md
lg

ผลงานเจ๋ง “ลุงตู่” ง่ายนิดเดียวสั่งโป้งเดียว “ปฏิรูปตำรวจ” ทันที !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งให้เลื่อนการแถลงผลงานในรอบ 3 ปีของรัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกไปเป็นช่วงเดือนกันยายน โดยอ้างถึงความเหมาะสม รวมไปถึงการเปลี่ยนวิธีการแถลงผลงานในแบบใหม่ แทนที่จะให้มีการรายงานกันแบบเดิมๆ แต่ปัญหาก็คือ เมื่อถึงเวลาจริงๆ มันก็คงออกมาในรูปแบบเดิม นั่นคือ “ชาวบ้านไม่สนใจฟัง” ตามที่มุ่งหวังเอาไว้หรือเปล่า

แน่นอนว่า การวัดกันว่า รัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีผลงานมากน้อยแค่ไหน สร้างความพอใจมากน้อยแค่ไหน ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชาวบ้านเป็นคนให้คะแนน ซึ่งจากการประมวลผลที่สะท้อนผ่านทางผลสำรวจต่างๆ โดยรวมๆ ยังถือว่าไม่น่าประทับใจ เพราะผลที่ออกมาดีส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความมั่นคง การรักษาความสงบภายใต้ การใช้อำนๅจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็จะถูกกลบไปด้วยผลคะแนนในด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ที่แม้ว่ารัฐบาลจะอ้างว่ามาถูกทางมีอัตราการขยายเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย แต่เมื่อฟังจากชาวบ้านก็ไปกันคนละทาง ทำนองว่า ล้มเหลว โดยเฉพาะมีเสียงเรียกร้องให้แก่ปัญหาปากท้อง ของแพงที่ดังขึ้นทุกที ซึ่งก็ว่ากันไป เพราะหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแทบทุกรัฐบาลในช่วงปลายๆ หากไม่มีสีสันชวนติดตามอยู่ตลอดเวลา มันก็มักจะสะท้อนออกมาแบบนี้ นั่นคือ ชาวบ้าน “เริ่มเบื่อ” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เริ่ม “ขาลง” ในแบบเดียวกันนี้ แม้ว่าจะยัง “ลงช้า” อยู่ก็ตาม

หากบรรยากาศเป็นอยู่แบบนี้ต่อไป มันก็ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะยิ่งใกล้เวลานับถอยหลังการเลือกตั้งที่แม้จะยื้ออย่างไรก็ต้องเลือกตั้ง เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เป็นอันขาด ดังนั้น หากไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์น่าเบื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องกล้าตัดสินใจในสิ่งที่น่าจดจำ นั่นคือ “งานปฏิรูป” ซึ่งจะว่าไปแล้วเรื่องดังกล่าวนี่แหละถือเป็น “ภารกิจหลัก” ที่พวกเขาต้องทำ อีกทั้งนี่แหละคือความต้องการของชาวบ้านส่วนใหญ่อยากให้เดินหน้าและเป็นจริงโดยเร็ว

แน่นอนว่า “การปฏิรูป” เป็นงานหิน และชาวบ้านก็เชื่อว่าเป็นไปได้ยาก แต่ขณะเดียวกัน เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะเห็น และอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งก็ได้ฝากความหวังไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับตั้งแต่เข้ามาควบคุมอำนาจในนามของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา และตอนนั้นในคำแถลงของ คสช. ก็มีการเน้นย้ำถึงเรื่อง “ปฏิรูปทุกด้าน” เอาไว้ด้วย

สังคมรับรู้ว่าการปฏิรูปเป็นงานยาก จึงต้องฝากความหวังไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ในฐานะที่มี “อำนาจพิเศษ” อยู่ในมือที่สามารถสั่งการให้เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลได้ในช่วงเวลาที่มีอยู่ก่อนที่จะส่งต่อให้กับพวกนักการเมืองผ่านการเลือกตั้ง ที่ชาวบ้านไม่ได้ให้ราคา เนื่องจากเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ หรือทำไม่สำเร็จหากปล่อยให้คนพวกนี้ (นักการเมือง) ดำเนินการ

แน่นอนว่า งานปฏิรูปที่เป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นความหวังสูงสุดที่ต้องทำก่อนในความเป็นจริงแล้วก็มีไม่กี่เรื่อง หลักๆ ก็มีเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ โดยเน้นไปที่ตำรวจ และ อัยการ เป็นหลัก โดยเร่งด่วนที่สุดและอยากให้เกิดขึ้นทันที ก็คือ การ “ปฏิรูปตำรวจ” การปฏิรูประบบราชการ การกระจายอำนาจ การปฏิรูปการเมือง เป็นต้น แต่กรณีหลังๆ นี้ แม้จะอยากให้เกิดขึ้น แต่หากทำไม่ทันก็ให้ยกยอดไปไปให้รัฐบาลหน้าโดยการวางรากฐานเอาไว้

แต่กลายเป็นว่า ที่ผ่านมา สิ่งที่รัฐบาล และ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปทำในเรื่องที่นอกเหนือความมุ่งหวัง ความต้องการเร่งด่วน กลับไปทำในเรื่องพื้นๆ เป็นงานประจำที่รัฐบาลทั่วไปต้องทำเป็นภารกิจปกติอยู่แล้ว ขณะที่งานปฏิรูป เช่น การปฏิรูปตำรวจ กลับไม่ดำเนินการโดยในตอนแรกหากจำกันได้ เขา ย้ำว่า “ทำไม่ทัน” โดยยกให้เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลถัดไป ดังนั้น ถ้าหากพิจารณาจากความหมายคำว่าทำไม่ทัน นั่นในความเป็นจริง ก็คือ “ไม่ทำ” นั่นแหละ ส่วนจะมีสาเหตุมาจากเป็นเพราะไม่มีความกล้าหาญ หรือถูกขัดขวางไม่ร่วมมือหลายคนใน คสช. หรือแม้กระทั่งสาเหตุที่สำคัญ ก็คือ ต้องการใช้กลไกตำรวจเป็นมือไม้ในการรักษาอำนาจจึงไม่อยากไปแตะต้องให้เกิดการกระเพื่อมขึ้นมา

จากปรากฏการณ์ที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นความคิดที่ตกผลึกแล้วว่าต้อง “ปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ” โดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันความยุติธรรมและโปร่งใสให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด เพราะหากโครงสร้างยังเป็นแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้วงการตำรวจตกต่ำขาดความเชื่อถือลงไปเรื่อยๆ

ทุกเรื่องกำลังกดดัน ในทางลบกับตำรวจมากขึ้น แม้กระทั่งล่าสุดจากคดี “ฆ่าหั่นศพ” หลังจากที่ผู้ต้องหาสาวเข้ามอบตัวมีการคลี่คลายคดีได้ในเวลาไม่นาน แต่แทนที่ฝ่ายตำรวจจะได้เครดิต ผลออกมากลับเป็นตรงกันข้าม ถูกวิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่ระดับบนสุด คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึงทีมชุดจับกุม ที่มีบันทึกรายชื่อยาวเป็นหางว่าว ไม่ต่างจากรายชื่อ “กรรมการทอดผ้าป่า” กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีการจับผิดไปไกลว่าสาเหตุหนึ่งที่มีการโหนกระแสคดีดังกล่าว ก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวในการหาเบาะแสคดีลอบวางระเบิดที่ “ห้องวงษ์สุวรรณ” ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาหรือไม่

อย่างไรก็ดี ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องการปฏิรูปตำรวจจะ “ลอยตัว” โดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วว่ากันไปตามเรื่องตามราว หรือจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่าด้วยเรืาองการปฏิรูปภายใน 1 ปี ในรัฐบาลหน้า แต่นาทีนี้เสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจก็ไม่มีวันจาง ล่าสุด หลายกลุ่มกำลังผนึกกำลังกันส่งหนังสือเรียกให้นายกฯเร่งดำเนินการปฏิรูปโดยอิงหลักการจากคำพูดเคยพูดถึงเรื่อง “ตำรวจจังหวัด” การกระจายอำนาจบังคับบัญชาตำรวจให้เป็นจริงโดยเร็ว ไม่ใช่หายไปกับสายลม

ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสร้างผลงานให้เป็นที่จดจำจริงๆ ก็ต้องนี่แหละเริ่มลงมือปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังให้เป็นไปตามความต้องการของชาวบ้าน ไม่ใช่มุ่งตามความต้องการของตำรวจอย่างเดียว อย่างที่เคยเสนอให้เพิ่มเงินเดือน และย้ายสังกัดใหม่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจและความกล้าหาญว่ามีหรือไม่ เพราะเวลาที่เหลืออยู่ก็ยังทัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น