ข่าวปนคน คนปนข่าว
เป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์ในเรื่อง“ตั้งสติ - คิดก่อนโพสต์” ก็พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง “วัน อยู่บำรุง” ลูกชายคนกลาง - สุดเลิฟของท่านดอกเตอร์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่จู่ๆ“ของขึ้น”ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ด่า “รัฐบาล คสช.” ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ทั้ง“โจรปล้นอำนาจ”ทั้ง“ผู้นำกากๆ”พร้อมทิ้งท้ายตะเพิด “บิ๊กทั้งหลายไปตายซะ” จัดหนักจัดเต็มตามสไตล์ “ลูกเหลิม” เจ้าของวลีในตำนาน “มึงรู้ไหม..กูลูกใคร”..
ไม่ทันข้ามคืน ก็ต้องโร่หอบพวงมาลัยไปขอขมา“นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงทำเนียบรัฐบาล แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นคน “พูดจริงทำจริง กล้าทำก็กล้ารับ” เสียเหลี่ยมลูกคนโตฝั่งธนฯโหม๊ดด .. แต่ก่อนจะโผล่ไปทำเนียบฯ ก็ “รู้งาน” ดอดเข้าไปขอพบ “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อส่งสัญญาณให้สังคมรับรู้ว่า แม้วันที่ “พ่อเหลิม” ไร้อำนาจ ก็ยังมีแบ็กดีระดับ “แม่ทัพแดง” นะจ๊ะ .. เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะโพสต์ - แชร์ - โชว์ อะไรก็ต้องมีสติ
อาการอยู่ไม่สุขของ “หนุ่มวัน” นอกจากเสียฟอร์มแล้ว ยังเสียแรงที่ใช้สโลแกน “ใจถึง พึ่งได้” ทำให้นึกย้อนไปถึงเมื่อไม่นานมานี้ เกิด “ดรามาในโซเชียล” หลังมีข่าวว่า “กาโม่” อาชวิน อยู่บำรุง ลูกชายสุดเลิฟของ “พ่อวัน” ไปมีเรื่องไฝว้กับเด็กใน “แก๊งวันพอยท์” ทำเอาคนเป็นพ่อเดือดปุดๆ โพสต์เฟซเตือนไปถึงแก๊งมีชื่อที่ว่า ชักจะใหญ่โตกันเกินไปแล้ว พร้อมฝากคำถามกร่างๆ ตามสไตล์ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน “โตทันวันเหลิมกันมั๊ย”ร้อนถึง ไผ่ ลิกค์ อดีต ส.ส. เพื่อไทย เจ้าของฉายา “ไผ่ วันพอยท์” ที่เป็นหัวหน้าแก๊ง ต้องรีบมาเคลียร์ใจถึงบ้านริมคลอง ย่านบางบอน ก่อนโชว์ภาพจูบปากกันดูดดื่ม สงบศึกระหว่างกัน โดยไม่มีการพูดถึง “เด็กน้อยต้นเรื่อง” แต่อย่างใด .. หลังฉากเล่ากันว่า วันที่เคลียร์ใจกัน “ไผ่ วันพอยท์” ก็พา “เด็กคู่กรณี” ไปด้วย แล้วก็ถูกสั่งสอนจนน่วมไปไม่น้อย .. นี่อาจเป็นสไตล์ “คนจริง” ที่เก่งกับเด็ก - ผู้หญิง จากวีรกรรมเก่าๆ แต่กับ “ชายชาติทหาร” พี่ขอบาย .
นาทีนี้ต้องยกนิ้วให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทีมสืบสวนสอบสวน ที่สามารถคลี่คลายคดีฆ่าหั่นศพหญิงสาวที่ จ.ขอนแก่น ได้ค่อนข้างรวดเร็ว .. ถึงแม้จะไม่เร็วพอ จนคนร้ายยังหลบหนีการจับกุมไปได้ก็ตาม แต่ก็ชี้ให้เห็นว่า แม้คดีจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพียงใด หากเจ้าหน้าที่เอาจริง ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรง .. สิ่งที่สะท้อนได้จากคดีฆาตกรรมสยองขวัญนี้ มีทั้งเรื่องที่คนร้ายบางส่วนพัวพันกับ “แก๊งค้ายา” ขบวนการค้ายาเสพติด รวมทั้งข่าวที่ว่า มี “ใบสั่งตาย” ให้จัดการปิดปาก น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือ “น้องแอ๋ม” ที่รู้เห็นและเปิดโปงขบวนการค้ายาในพื้นที่ จ.ขอนแก่น แสดงให้เห็นว่า “แก๊งค้ายา - ผู้มีอิทธิพล” ยังคงระบาดอยู่ในแทบทุกพื้นที่ของประเทศไทย อย่างในส่วนกลาง กทม. เอง ก็มีคดีดังๆ ที่เกี่ยวพันกับขบวนการผิดกฎหมายเรื่องนี้อยู่ตลอด .. ทั้งที่เป็นอีกหนึ่งผลงานอันน่าภาคภูมิใจของรัฐบาล คสช. .. ที่น่าหวั่นใจอีกประการ ด้วยสถานะของ “น้องแอ๋ม” ที่ว่ากันว่า เป็น “สายตำรวจ” ยังต้องประสบกับชะตากรรมเช่นนี้ แล้วใครจะหาญกล้ามาเป็น “พลเมืองดี” เปิดโปงขบวนการทุจริตผิดกฎหมาย
หากได้ติดตามการคลี่คลายคดี “น้องแอ๋ม” ก็จะพบว่ามีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่น้อย แรกเริ่มเดิมทีตำรวจให้น้ำหนักไปที่ “ปมชู้สาว” อาจจะ “สับขาหลอก” เหมือน “ตำรวจดังที่นครบาล” ก็เป็นได้ ต่างกันที่ “คดีน้องแอ๋ม” สามารถระบุ และจับคนร้ายได้บางส่วน ทำท่าจะปิดคดีได้ในไม่ช้า .. ต่างจากแท็กติก “สับขาหลอก” คดีวางระเบิดก่อวินาศกรรมหลายจุดใน กทม. ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าจะได้เค้าคนร้าย .. ยิ่งน่าสนใจว่าตลอดทั้งเมื่อวานนี้ ก็ยังไร้ความคืบหน้า - ความเคลื่อนไหวใดๆ ในคดีระเบิด รพ.พระมงกุฎเกล้า กระทั่ง 2 จุดก่อนหน้านี้ ที่ “กองสลากเก่า - โรงละครแห่งชาติ” ก็เงียบกริบเช่นกัน จะมีเพียงความเคลื่อนไหวที่ย่ำอยู่กับที่ของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ที่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับ “ไปป์บอมบ์” ที่พบหลังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์วัฒนธรรม วันก่อนว่าเป็นระเบิดเก่า ที่ถูกนำมาทิ้งหลายสัปดาห์ .. ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวว่า “ไปป์บอมบ์” ที่พบล่าสุดมีลักษณะเดียวกับที่นำมาก่อเหตุย่านมีนบุรี เมื่อเดือน มี.ค. 57 และที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างบีทีเอส สยามพารากอน เมื่อ ก.พ. 58 ซึ่งก็มีการจับกุมคนร้ายที่เป็น “ฮาร์ดคอร์การเมือง” ได้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่มีการขยายผล ที่ทำให้การเฝ้าระวังเหตุร้ายมีประสิทธิภาพเลย .. ยังดีที่คนร้ายที่ก่อ เหตุระเบิดวินาศกรรมหลายครั้ง ยังมุ่งแค่สร้างสถานการณ์ นี่ถ้ามีการยกระดับการก่อเหตุหมายเอาชีวิต คงจะดูไม่จืด
ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม .. จะครบ 2 ปีการตายอย่างมีเงื่อนงำของ“เสี่ยจืด” ชูวงษ์ แซ่ตั้ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน เข้าให้แล้ว แต่คดีความทั้งแพ่ง - อาญา ก็ยังไม่คืบหน้า .. ในส่วน “คดีโกงหุ้น” ที่ทางญาติผู้ตายเชื่อว่าเป็นมูลเหตุทำให้ถูกฆาตกรรม ทางตำรวจโดย ผบ.ตร. ได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องไปนานแล้ว แต่ไปติดอยู่ที่ “สุทธิ กิตติศุภพร” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ที่เห็นแย้ง จนเรื่องต้องส่งไปให้ “อัยการสูงสุด” เป็นผู้ชี้ขาด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคำสั่งออกมา .. ในส่วนคดีฆาตกรรมที่มี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ กับพวก ตกเป็น “ผู้ต้องหา” ถูกจับพร้อม อุรชา วชิรกุลฑล อดีตโบรกเกอร์แม่ลูกอ่อน ตั้งแต่ มิ.ย. ปีก่อน ก่อนที่ทาง “กองปราบฯ” จะสั่งฟ้องไป ส่งเรื่องต่อไปที่ “อัยการพระโขนง” ต่อมาผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม ก็ต้องวนกลับมาสอบสวน - สอบพยานเพิ่มเติม คาดว่า “กองปราบฯ” น่าจะส่งให้อัยการได้อีกที ก่อนวันที่ 26 มิ.ย. 60 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของ “เสี่ยจืด”..
ความล่าช้าที่ว่าบีบให้ทาง “ญาติเสี่ยชูวงษ์” ต้องยื่นฟ้องเอง ซึ่งศาลก็ได้นัดไต่สวนมูลฟ้องมาแล้ว .. นี่ขนาดเป็นคดีของ“ผู้ดีมีตังค์”ที่อาจจะมีฐานะพอในการยื่นฟ้อง - ต่อสู้คดีในชั้นศาลเอง แล้วถ้าเกิดกับ“ตาสี ตาสา”ป่านนี้ คดีอาจถูกเป่าลอยไปกับลมนานแล้ว .. จะเห็นได้ว่า แค่ใช้ “เทคนิคทางกฎหมาย” ก็สามารถยื้อเวลาได้เป็นปีเลยทีเดียว แล้วถ้าปล่อยเวลายืดเยื้อออกไปอีก อาจก็จะเข้าช่อง “หมดอายุความ” โดยที่ “ผู้ร้าย” ยังลอยนวล ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ ก็จะยิ่งไปกันใหญ่
ช.ชฎา