“ชาญวิทย์” โวยแฟนบอลพวกจุดพลุผิดระเบียบ ส.บอลไทย แขวะอยากดังอยากเป็นฮีโรในทางที่ผิด คาด ฟีฟาคงลงโทษแค่ถูกปรับ เตรียมชงหลักสูตรเด็กดีเข้าวิป 3 ฝ่าย
วันนี้ (19 ธ.ค.) นายชาญวิทย์ ผลชีวิน กรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีที่กองเชียร์บางกลุ่มจุดพลุไฟ หลังจากทีมชาติไทยชนะทีมชาติอินโดนีเซีย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ เกมที่สอง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ว่า ตอนนี้มีระเบียบของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และระเบียบของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) ที่การจุดพลุไฟต้องจุดด้านนอกสนาม แต่ปรากฏว่า กองเชียร์กลุ่มดังกล่าวแอบเอาเข้าไป แม้เจ้าหน้าที่จะมีการตรวจเข้ม เพราะอยากเป็นฮีโรในทางที่ผิด
“กองเชียร์มีหลายกลุ่ม แต่กลุ่มดังกล่าวคงอยากดัง เมื่อมีเหตุการณ์ที่ผิดระเบียบ ฟีฟาต้องลงโทษเราแน่นอน เพียงแต่เรายังโชคดีที่การจุดพลุไฟหลังการแข่งขันเสร็จสิ้น จึงอาจถูกลงโทษแค่ปรับเงิน แต่หากจุดระหว่างการแข่งขันแล้วไฟหล่นลงไปในสนาม เราอาจถูกปรับแพ้เลยก็ได้ ทั้งนี้ ฟีฟาคงพิจารณาเอง ซึ่งโดยหลักการคงเป็นแค่การปรับ” อดีตหัวหน้าโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธที่ 28 ธ.ค. นี้ ทางคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ จะมีการเสนอรายงานเรื่อง “การพัฒนาและบรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรมและจริยธรรม เพื่อมุ่งเน้นให้เด็กเป็นคนดี” ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม สปท. ไปแล้ว ต่อคณะกรรมการประสานงาน ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อเพิ่มเวลาเรียนตามตารางสอนที่แต่ละโรงเรียนสามารถดำเนินการจัดตารางเรียนได้เอง ซึ่งตามปกติระดับประถมศึกษาจะมีเวลาเรียนวันละ 5 คาบ มีการขอเพิ่มคาบเรียนในคาบสุดท้ายให้บรรจุวิชาเรียนใน 3 วาระวิชา (พลศึกษา สุขศึกษา ศิลปะ สังคมศึกษา) และให้นำคะแนนสอบใน 3 กลุ่มนี้มาเป็นคะแนนสอบเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาและควรปรับวิธีการเรียนการสอน ของครู อาจารย์ ให้แทรกเนื้อหาวิชาที่ขอเพิ่มเวลาเรียนในกลุ่มสาระอื่นๆ ด้วย