“ประวิช” เผย ประชุม กกต. พรุ่งนี้ ถกร่าง พ.ร.ป. กกต. พร้อมส่งความเห็นให้ สนช. หากขอมา ย้ำ กกต. จังหวัด ยังจำเป็น พร้อมยืนยันไม่หวั่นขาดคุณสมบัติตามกฎหมายใหม่ เชื่อ กฎหมายสี่ฉบับรองรับเลือกตั้ง ช่วยปฏิรูปการเมือง
นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) นอกจาก กกต. จะมีการแถลงผลงานครบรอบ 3 ปีแล้ว จะมีการประชุมพิจารณาเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องดูว่ามีประเด็นอะไรที่จะต้องมีความเห็นเพิ่มเติมหรือไม่ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. เพราะที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อ กรธ. ตัดสินใจไปแล้วขั้นตอนต่อไปก็เป็นหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งนี้ มั่นใจว่า ร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งจะออกมาดีและนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองได้ แต่วิธีการปฏิบัติหากมีสิ่งที่ กกต. เห็นว่ายังติดขัดอยู่ก็คงมีความเห็นไปตามสมควร
ส่วนเรื่องคุณสมบัติใหม่ของ กกต. ตามรัฐธรรมนูญที่อาจส่งผลกระทบให้ตนต้องหลุดจากตำแหน่งนั้น นายประวิช กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และหากพูดไปก็จะกลายเป็นเรื่องการขัดกันของผลประโยชน์ หน้าที่ของตนต้องดูเนื้อกฎหมายว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้การเมืองเดินไปด้วยดีในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเคยพูดตั้งแต่ต้นแล้วว่าเรื่องคุณสมบัติเป็นเรื่องของ กรธ. และ สนช. จะพิจารณาว่าอะไรจะเหมาะสม ไม่ว่ากฎหมายจะออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น
ส่วนเนื้อหากฎหมายที่เพิ่มอำนาจให้ กกต. มากขึ้นนั้น ก็ต้องมาพิจารณาว่า กกต. จะต้องปรับตัวอย่างไรให้เป็นไปตามทิศทางที่รัฐธรรมนูญกำหนดเพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ซึ่งในขณะนี้ กกต. ก็ได้มีเตรียมการไว้แล้ว ทั้งเรื่องเครือข่ายประชาชน และการเตรียมความพร้อมสำหรับกระบวนการเลือกตั้งระบบใหม่
นายประวิช ยืนยันว่า กกต. ทุกชุดที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันปฏิบัติงานด้วยความกล้าหาญ สุจริต เที่ยงธรรม ส่วนอำนาจที่เพิ่มขึ้นต้องดูรายละเอียดว่าจะดำเนินการอะไรได้บ้าง เนื่องจาก กกต. ถูกออกแบบมาไม่ให้เป็นองค์กรที่ไม่โตมากนัก แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ เมื่อ กรธ. คิดรูปแบบใหมให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งมาแทน กกต. จังหวัด ก็ต้องดูว่าจะเดินหน้าตรงไหน โดย กกต. จะติดตามเรื่องนี้และดูทิศทางของ สนช. ด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กกต. ได้ทำความเห็นไปยัง กรธ. แล้วว่า กกต. จังหวัด ยังมีความจำเป็น เพราะช่วยในเรื่องจัดการเลือกตั้งและการติดตามต่างๆ ได้ ถ้าจะลดบทบาทลงสามารถทำได้ เช่น ไม่ต้องมีเงินเดือนประจำให้เป็นเบี้ยประชุมเป็นครั้งคราว หรือจะเปลี่ยนวาระเร็วขึ้น แต่ร่าง กรธ. เห็นว่า ไม่ต้องมี ให้มีผู้สังเกตการณ์แทน ทั้งนี้ ที่พูดกันมากว่าไม่อยากให้มี กกต. จังหวัด มีปัญหาเดียว คือ บางครั้งชอบพูดกันโดยไม่มีหลักฐานว่า มีความสัมพันธ์กับนักการเมืองท้องถิ่น กรธ. จึงหาทางออกโดยไม่ให้มี กกต. จังหวัด แต่ให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งแทน ซึ่งเป็นทางเลือกในทางปฏิบัติ หากในชั้นการพิจารณาของ สนช. ต้องการความเห็นเพิ่มเติมจาก กกต. ก็พร้อม
วันเดียวกัน นายประวิช ยังเป็นประธานเปิดการสัมมนาทบทวนและติดตามประเมินผลการดำเนินงานของวิทยากรกระบวนการ (วพป.) ซึ่งมีผู้บริหาร พนักงานสำนักงานกกต.กลาง และ กกต. จังหวัด เข้าร่วมระหว่างวันที่ 19 - 20 ธ.ค. ที่ รร.โนโวเทล กรุงเทพฯ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยการสัมมนาดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามโครงการส่งเสริมความเข้มแข็งและพัฒนา การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็นให้แก่วิทยากรกระบวนการ (วพป.) ให้มีความรู้ ทักษะสามารถ ถ่ายทอดการขับเคลื่อนภารกิจศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล การเป็นวิทยากร เพื่อเตรียมความพร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง และการมีส่วนร่วม รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปัญหา อุปสรรค เกี่ยวกับการดำเนินการที่ผ่านมา สำหรับเตรียมรองรับภารกิจการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะเกิดขึ้น