xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาล 1 ปีกับงานที่ต้องทำ

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ได้ประชุมเลือกนายกรัฐมนตรี และผลปรากฏว่า ที่ประชุมได้เลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย ตามความคาดหมาย

ต่อจากนี้ประธาน สนช.จะได้นำชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

หลังจากที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะทำการคัดเลือกผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล และนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้วนำ ครม.ทั้งคณะเข้าเฝ้าฯ และถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ต่อจากนี้การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ก็จะเริ่มขึ้น โดยมีกำหนดจะอยู่ในตำแหน่งเป็นเวลา 1 ปี แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป

ในระยะเวลา 1 ปีของรัฐบาลเฉพาะกิจภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชามีงานที่ต้องทำเป็นพิเศษ นอกเหนือจากงานประจำที่รัฐบาลทุกชุดต้องทำอยู่ 2 ประการคือ

1. งานร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของ สนช.แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่อำนวยความสะดวก และประสานงานเพื่อให้งานส่วนนี้สำเร็จลุล่วงไปภายในกำหนดเวลา และมีเนื้อหาครอบคลุมในทุกด้านที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการ

2. งานปฏิรูปประเทศ ซึ่งสภาปฏิรูปรับผิดชอบโดยตรง แต่รัฐบาลก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในการให้ความสะดวก และประสานงานเพื่อให้งานส่วนนี้สำเร็จทันเวลา และมีเนื้อหาตรงกับความต้องการของประชาชน

ในงานพิเศษ 2 ประการนี้ งานปฏิรูปประเทศถือได้ว่าเป็นงานสำคัญที่สุด ทั้งนี้อนุมานได้จากเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้

1. ระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหามากมายหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมร่วมมือกันของคน 3 กลุ่มซึ่งอาจเรียกได้ว่า 3 ประสานคือ พ่อค้า นักการเมือง และข้าราชการหรือพนักงานของรัฐ รวมหัวกันโดยกินงบประมาณของรัฐก่อความเสียหายแก่รัฐโดยรวมนับแสนล้านบาท จะเห็นได้จากโครงการรับจำนำข้าวเป็นตัวอย่าง

ดังนั้น การปฏิรูปการเมือง และส่วนราชการรวมไปถึงองค์กรของรัฐ อันได้แก่รัฐวิสาหกิจ หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นแต่ใช้เงินของรัฐ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการทุจริตขึ้นอีก จึงเป็นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วน

2. อีกไม่นานประเทศไทยจะเข้าสู่การเป็นสมาชิกของอาเซียน และเมื่อถึงเวลานั้นประเทศไทยจะต้องมีความพร้อมที่จะแข่งขันกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ในทุกด้าน เพื่อมิให้ประเทศเป็นเบี้ยล่างประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านบุคลากรประเทศไทยจะต้องมีความพร้อมในด้านการผลิต และการขาย มิฉะนั้นแล้วประเทศไทยจะถูกแรงงานต่างชาติไหลเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าจ้างแรงงานในประเทศไทยสูง แต่คุณภาพของแรงงานต่ำกว่าประเทศอื่น จึงทำให้ผู้ประกอบการเลือกจ้างแรงงานต่างชาติแทนแรงงานไทย เมื่อเป็นเช่นนี้คนไทยส่วนหนึ่งจะตกงาน ทำให้ปัญหาว่างงานในประเทศเพิ่มขึ้น

จากเหตุปัจจัย 2 ประการนี้ จะเห็นได้ว่าการปฏิรูปประเทศมีความจำเป็น และเร่งด่วนมากกว่างานอื่นใด แม้กระทั่งงานพัฒนาประชาธิปไตยก็ยังมีความสำคัญน้อยกว่า

นอกจากการปฏิรูปประเทศแล้ว การแก้ไขปัญหาเก่าๆ ที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสอบสวนหาความผิดที่เกิดขึ้นในคดีทุจริตคอร์รัปชัน ก็เป็นงานเร่งด่วน และเป็นที่จับตาดูของประชาชนว่ารัฐบาลเฉพาะกิจภายใต้การนำของบุคลากรจากกองทัพที่มาด้วยการปฏิวัติรัฐประหารนั้นทำได้แค่ไหนมากน้อยเพียงไร คือจะสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างทั่วถึง จากผู้บงการอยู่เบื้องหลังไปจนถึงผู้กระทำผิดได้หรือไม่ ถ้าทำได้อย่าว่าอยู่แค่ 1 ปีเลย แม้อยู่มากกว่านี้ประชาชนก็รับได้ และต้องการให้อยู่เพื่อแก้ปัญหา เพราะปัญหาในลักษณะนี้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแก้ได้ยาก เนื่องจากปัญหาลูบหน้าปะจมูกเข้าทำนองแมลงวันไม่ตอมซากแมลงวันด้วยกัน

แต่ถ้ารัฐบาลชุดนี้ไม่แก้ปัญหาทุจริต หรือแก้แล้วแต่แก้ไม่ได้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาทุจริตที่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องปล่อยให้ดำเนินไปตามภาวะปกติที่เคยเป็น และผลลงเอยนักการเมืองไม่ผิดหรือผิดแต่หนีลอยนวลออกนอกประเทศได้ โดยใช้อำนาจเงินหรืออำนาจแฝงเร้นใดๆ ก็ตาม รัฐบาลชุดนี้คงจะกดดันด้วยการเมืองนอกสภาฯ ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วกับหลายรัฐบาลในอดีต แต่รัฐบาลชุดนี้จะโดนหนักกว่า ทั้งนี้เนื่องจากว่าประชาชนคาดหวังสูงว่าจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการอนุมานในเชิงตรรกะเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง อาจไม่มีผลกระทบใดๆ เกิดขึ้นและเป็นผลในทางลบต่อรัฐบาลก็ได้

แต่เพื่อความไม่ประมาท ผู้เขียนเห็นว่ารัฐบาลควรดำเนินการทุกอย่างให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่จะปลอดภัยที่สุดในแง่ของการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น