“สมชัย” สับ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด ชี้ ไม่ใช้คนพื้นที่ รู้ไม่เท่าทันหัวคะแนน โอกาสถูกซื้อตัวสูง จึงไม่ใช่กลไกป้องกันการแทรกแซงครอบงำของฝ่ายการเมือง ซ้ำเปลืองงบไม่คุ้มค่า ย้ำ กกต. พร้อมทำเต็มที่ แต่ถ้าแก้ทุจริตไม่ได้ต้องโทษคนคิด
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารกลาง กล่าวถึงร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของ กรธ. ที่ยกเลิก กกต.จังหวัด แล้วให้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งแทนว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่ง “ผู้ตรวจการเลือกตั้ง” คุณสมบัติคือ 1. ไม่เป็นข้าราชการประจำ ที่ปรึกษาหน่วยงานราชการ พ้นจากเป็นสมาชิกพรรค 5 ปี ไม่เป็นญาติ หรือเป็นผู้สมัครเลือกตั้ง ซึ่งผู้ที่จะเป็นได้ก็จะเหลือข้าราชการ หรือคนที่เกษียณ นักธุรกิจ ลูกจ้างเอกชน NGO คนที่ยังไม่มีงานทำ ซึ่งนักธุรกิจ หรือ NGO คงไม่สามารถมีเวลาในการทำงานเต็มเวลาได้ ก็จะเหลือคนสองกลุ่ม ที่พร้อมมาทำหน้าที่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง คือ ข้าราชการ หรือคนที่เกษียณ และ คนว่างงานเท่านั้น
2. การปฏิบัติหน้าที่ให้จับสลากคนจำนวน 2 คน ทำงานในจังหวัดที่ตนเองมีภูมิลำเนา และจับสลากคนจำนวน 3 คน ให้ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดอื่นที่มิใช่ภูมิลำเนาตนเอง จะมีปัญหาในส่วนที่สอง ว่า คนมีความพร้อมในการไปปฏิบัติหน้าที่ในทุกจังหวัดที่ถูกส่งไปหรือไม่ เช่น ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่แม่ฮ่องสอน หรือ ปัตตานี เป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้หรือไม่
3. ความรอบรู้ปัญหาในพื้นที่บุคคลที่ถูกตั้งมาทำงานแบบชั่วคราวเพียง 2 เดือน หรือถูกส่งเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ตนเองมิได้มีความคุ้นเคยในเวลาสั้นๆ จะเข้าใจในพื้นที่ เข้าใจลักษณะวัฒนธรรมทางการเมือง เข้าใจภาษา รู้ทันหัวคะแนน จนสามารถเป็นเครื่องมือในการปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้งอย่างได้ผลหรือไม่
4. ค่าใช้จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าเบี้ยประชุม สิทธิสวัสดิการที่เทียบเท่าพนักงานระดับสูง สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของคน 400 คน อาจสูงถึง 5,000 บาท ต่อวัน (ค่าเบี้ยเลี้ยง+ค่าเช่ารถ+ค่าที่พัก+ฯลฯ) หากคำนวณจากต้องปฏิบัติหน้าที่ 60 วัน ต้องใช้เงินในการนี้ถึง 120 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าหรือไม่
5. ความรับผิดฐานะของผู้ตรวจการเลือกตั้ง มิใช่พนักงานของสำนักงาน กกต. ไม่สามารถดำเนินการทางวินัย ไม่ต้องกลัวการให้ออกจากราชการ โอกาสที่ฝ่ายการเมืองจะล็อกตัวซื้อตัว ให้สนับสนุนฝ่ายการเมือง จึงมีความเป็นไปได้ ซึ่งหากถูกจับได้ก็เพียงถูกให้ออกจากตำแหน่งที่ตนเองดำรงตำแหน่งในเวลาสั้นๆ 2 เดือนเท่านั้น จึงไม่ใช่กลไกที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการแทรกแซงครอบงำของฝ่ายการเมืองได้
“เรื่องนี้ คนทำไม่ได้คิด คนคิดไม่ได้ทำ แต่ถ้าคิดว่า คิดดีแล้ว ก็พร้อมรับทำตามแนวคิด แต่ถ้าทำให้เต็มที่แล้ว ไม่สามารถแก้ปัญหาทุจริตเลือกตั้งได้ โปรดโทษคนคิด”